การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2552
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 3002 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยหุ้นส่วน
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 นายอาทิตย์และนายจันทร์ตกลงเข้าหุ้นส่วนกันทำกิจการปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งบนถนนรามคำแหง โดยทั้งสองคนเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการร่วมกัน ต่อมานายอาทิตย์รับเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำมันเครื่องยี่ห้อมีชื่อของต่างประเทศยี่ห้อหนึ่ง และส่งขายตามปั๊มน้ำมันต่างๆ ยกเว้นปั๊มน้ำมันที่ตนและนายจันทร์เข้าหุ้นกันอยู่ เพราะเกรงนายจันทร์รู้ว่าตนแอบมีรายได้ทางอื่นเพิ่ม นายอาทิตย์เป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำมันเครื่องได้ 8 เดือน นายจันทร์รู้จึงฟ้องให้นายอาทิตย์ชดใช้เงินในจำนวนผลกำไรที่นายอาทิตย์ทำมาหาได้จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำมันเครื่อง ดังนี้ นายอาทิตย์ต้องชดใช้แก่ห้างหุ้นส่วนตามที่นายจันทร์ฟ้องหรือไม่ จงอธิบาย
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1038 ห้ามมิให้ผู้เป็นหุ้นส่วนประกอบกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งมีสภาพดุจเดียวกันและเป็นการแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนนั้นไม่ว่าทำเพื่อประโยชน์ตนหรือประโยชน์ผู้อื่น โดยมิได้รับความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นๆ
ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดทำการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติมาตรานี้ไซร้ ผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นๆชอบที่จะเรียกเอาผลกำไรซึ่งผู้นั้นหาได้ทั้งหมด หรือเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อการที่ห้างหุ้นส่วนได้รับความเสียหายเพราะเหตุนั้น แต่ท่านห้ามมิให้ฟ้องเรียกเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่งนับแต่วันทำการฝ่าฝืน
วินิจฉัย
ตามบทบัญญัติมาตรา 1038 กฎหมายได้บัญญัติห้ามมิให้ผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่ได้จดทะเบียน ประกอบกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งมีสภาพดุจเดียวกัน คือ มีสภาพเป็นอย่างเดียวกันและเป็นการแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นๆ ดังนั้นถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนได้ไปประกอบกิจการอย่างหนึ่งอย่างใด แต่กิจการที่ไปกระทำนั้นไม่มีสภาพเป้นอย่างเดียวกันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนที่ตนเป็นหุ้นส่วนอยู่เลย ย่อมสามารถกระทำได้ ไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติมาตรา 1038 วรรคแรก แต่อย่างใด
กรณีตามปัญหา การที่นายอาทิตย์และนายจันทร์เข้าหุ้นส่วนกันเพื่อทำกิจการปั๊มน้ำมัน เมื่อไม่ปรากฏว่ามีการจดทะเบียน จึงถือว่าเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน การที่นายอาทิตย์ได้ไปประกอบกิจการอีกอย่างหนึ่ง คือการรับเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำมันเครื่องส่งขายตามปั๊มน้ำมันต่างๆนั้น ไม่ถือว่าเป็นการประกอบกิจการที่มีสภาพเป้นอย่างเดียวกันกับกิจการของห้างหุ้นส่วน ทั้งนี้เพราะนายอาทิตย์ประกอบกิจการโดยการเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำมันเครื่องเท่านั้น มิได้ให้บริการจำหน่ายน้ำมันเช่นเดียวกับกิจการของห้างหุ้นส่วนแต่อย่างใด ดังนั้นการประกอบกิจการของนายอาทิตย์จึงไม่อยู่ในความหมายของการประกอบกิจการอันมีสภาพเป็นอย่างเดียวกัน ตามมาตรา 1038 วรรคแรก และเมื่อนายจันทร์ได้ฟ้องให้นายอาทิตย์รับผิดชดใช้เงินให้แก่ห้างหุ้นส่วนตามจำนวนผลกำไรที่นายอาทิตย์ทำมาหาได้นั้น นายอาทิตย์จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินให้แก่ห้างหุ้นส่วนตามที่นายจันทร์ฟ้อง
สรุป นายอาทิตย์ไม่ต้องรับผิดชดใช้แก่ห้างหุ้นส่วนตามที่นายจันทร์ฟ้อง
ข้อ 2 ห้างหุ้นส่วนจำกัดพูนผล มีวัตถุประสงค์รับเหมาก่อสร้างทั่วราชอาณาจักร มีนายพูนผลเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ มีนางเดือนเพ็ญเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด เมื่อห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนจัดตั้งแล้วห้างฯได้กู้ยืมเงินจำนวนห้าแสนบาทจากนายมั่งมี โดยนางเดือนเพ็ญเป็นผู้เขียนสัญญากู้และลงนามในสัญญาในฐานะเป็นผู้เขียนสัญญาและพยาน ส่วนนายพูนผล ลงนามในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการ เป็นผู้กู้ในนามของห้างฯ ต่อมาเมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ นายมั่งมีจึงฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัดพูนผล นายพูนผลและนางเดือนเพ็ญ ในฐานะเป็นผู้เขียนสัญญาและพยานโดยถือว่าเป็นการสอดเข้าจัดกิจการของห้างฯ ต้องร่วมรับผิดด้วย ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยความรับผิดของนางเดือนเพ็ญ
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1088 วรรคแรก ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดผู้ใดสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วน ท่านว่าผู้นั้นจะต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ทั้งหลายของห้างหุ้นส่วนนั้นโดยไม่จำกัดจำนวน
มาตรา 1095 วรรคแรก ตราบใดห้างหุ้นส่วนจำกัดยังมิได้เลิกกัน ตราบนั้นเจ้าหนี้ของห้างย่อมไม่มีสิทธิจะฟ้องร้องผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้
วินิจฉัย
ตามบทบัญญัติมาตรา 1088 วรรคแรก กฎหมายได้บัญญัติไว้ว่า ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดผู้ใดได้สอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วนจำกัด ผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้นก็จะต้องรับผิดในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนนั้นโดยไม่จำกัดจำนวน
การกระทำที่จะถือว่าเป็นการสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วนนั้น จะต้องเป็นการกระทำถึงขนาดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานในอำนาจหน้าที่ของห้างหุ้นส่วนผู้จัดการ หรือของผู้จัดการ และต้องเป็นการกระทำที่เป็นการติดต่อกับบุคคลภายนอก จนทำให้บุคคลภายนอกเข้าใจผิดคิดว่ามีอำนาจจัดการ
กรณีตามปัญหา การที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดพูนผลได้กู้ยืมเงินจากนายมั่งมี โดยมีนายพูนผลลงนามในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้กู้ในนามของห้างฯ ส่วนนางเดือนเพ็ญซึ่งเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดเป็นเพียงผู้เขียนสัญญากู้ และลงนามในสัญญาในฐานะเป็นผู้เขียนสัญญาและพยานเท่านั้น ดังนั้นการกระทำของนางเดือนเพ็ญจึงไม่ถือว่าเป็นการสอดเข้าไปจัดการงานของห้างฯ ตามมาตรา 1088 วรรคแรก นายมั่งมีจึงไม่มีสิทธิฟ้องนางเดือนเพ็ญในขณะที่ห้างฯยังไม่เลิกกันตามมาตรา 1095 วรรคแรก เพราะนางเดือนเพ็ญเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด ถ้าจะฟ้องนางเดือนเพ็ญ ก็จะต้องฟ้องเมื่อห้างฯเลิกกันแล้วเท่านั้น
สรุป นายมั่งมีจะฟ้องให้นางเดือนเพ็ญรับผิดตามสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวในขณะที่ห้างฯยังไม่เลิกกันไม่ได้ เพราะการกระทำของนางเดือนเพ็ญไม่ถือว่าเป็นการสอดเข้าไปจัดการงานของห้างฯ
ข้อ 3 บริษัทนพเก้า จำกัด มีวัตถุประสงค์ซื้อขายและประกอบการเกี่ยวกับเครื่องประดับ มีนางสาวหยกเป็นกรรมการผู้จัดการ ต่อมาบริษัทประสบภาวะขาดทุนติดต่อกันถึงห้าปี นางสาวหยกเห็นว่าคงประกอบกิจการต่อไปไม่ไหวจึงเรียกผู้ถือหุ้นทั้งหลายมาประชุมเพื่อขอมติในเรื่องการเลิกบริษัท เมื่อถึงวันประชุมมีผู้ถือหุ้นมาประชุมรวมกัน 5 คน รวมหุ้นได้ครบองค์ประชุมแล้ว ที่ประชุมได้ทำการประชุมมีผู้ลงมติโดยวิธีชูมือเห็นด้วยกับการเลิกบริษัท 3 คน อีก 2 คนไม่เห็นด้วย ดังนี้ นางสาวหยกจะนำมติของที่ประชุมไปดำเนินการจดทะเบียนเลิกบริษัทได้หรือไม่ จงอธิบาย
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1194 การใดที่กฎหมายกำหนดให้ต้องทำโดยมติพิเศษ ที่ประชุมใหญ่ต้องลงมติในเรื่องนั้นโดยคะแนนเสียงข้างมาก ไม่ต่ำกว่าสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน
มาตรา 1236(4) อันบริษัทจำกัดย่อมเลิกกันด้วยเหตุดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ
(4) เมื่อมีมติพิเศษให้เลิก
วินิจฉัย
กรณีตามปัญหา การที่นางสาวหยกซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทนพเก้า จำกัด มีความประสงค์จะเลิกบริษัท และได้เรียกผู้ถือหุ้นทั้งหลายมาประชุมเพื่อขอมติพิเศษในเรื่องการเลิกบริษัท ย่อมสามารถทำได้ตามมาตรา 1236
(4) แต่อย่างไรก็ดี การลงมติพิเศษเพื่อให้เลิกบริษัทนั้นจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1194 กล่าวคือ จะต้องได้รับมติเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงสามในสี่ของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงคะแนน
แต่จากข้อเท็จจริงตามปัญหา ปรากฏว่า ในวันประชุมมีผู้ถือหุ้นมาประชุม 5 คน และในการลงมติโดยวิธีชูมือ มีผู้ถือหุ้นที่เห็นด้วยกับการเลิกบริษัท 3 คน อีก 2 คน ไม่เห็นด้วย จึงถือว่าคะแนนเสียงที่ลงมติให้เลิกบริษัทนั้นไม่ถึงสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมด ดังนั้นมติของที่ประชุมดังกล่าวจึงไม่ใช่มติพิเศษตามมาตรา 1194 นางสาวหยกจะนำมติของที่ประชุมไปดำเนินการจดทะเบียนเลิกบริษัทไม่ได้
สรุป นางสาวหยก จะนำมติดังกล่าวไปดำเนินการจดทะเบียนเลิกบริษัทไม่ได้