การสอบซ่อมภาค 1 ปีการศึกษา 2548
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 3001 กฎหมายอาญา 3
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ
ข้อ 1 นางยุพาพาเด็กชายก้องบุตรชายอายุเพียง 3 ปี ไปรักษาฟันกับหมอสมจิต หมอตรวจแล้วเห็นว่าต้องอุดฟัน แต่เด็กชายก้องร้องไห้และดิ้นไม่ยอมให้หมอสมจิตอุดฟัน หมอสมจิตจึงบอกนางยุพาว่าจะต้องมัดตัวเด็กชายก้องให้นิ่งๆ มิฉะนั้นจะไม่สามารถรักษาได้ นางยุพาเชื่อถือในหมอสมจิตรจึงยินยอมให้มัด เด็กชายก้องซึ่งกลัวการอุดฟันมากพยายามดิ้นรนแต่ดิ้นไม่ได้เพราะถูกมัดติดเก้าอี้อยู่เพียงลำพังกับหมอ ความกลัวสุดขีดประกอบกับอายุน้อยเพียง 3 ปี ทำให้เด็กชายก้องถึงกับช็อกหมดสติหัวใจหยุดเต้นจนตัวเขียว กว่าจะทำการช่วยเหลือพยาบาลหัวใจกลับมาเต้นได้ก็ปรากฏว่าสมองขาดออกซิเจนนานเกินไป ทำให้สมองบกพร่อง ร่างกายพิการเดินไม่ได้ ดังนี้ หมอสมจิตจะมีความผิดต่อร่างกายฐานใดหรือไม่
มาตรา 300 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัสต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ตามมาตรา 300 ประกอบด้วย
1 กระทำด้วยประการใดๆ
2 การกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
3 โดยประมาท
การที่หมอสมจิตมัดเด็กชายก้องที่มีอายุเพียง 3 ปี ไว้กับเก้าอี้ เพื่อจะได้อุดฟันโดยสะดวก จนทำให้เด็กชายก้องช็อกหมดสติเป็นผลให้สมองบกพร่อง ร่างกายพิการเดินไม่ได้ หมอสมจิตมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส เพราะเป็นการกระทำที่ขาดความระมัดระวัง โดยวิสัยของผู้เป็นแพทย์ การที่มัดเด็กเล็กๆเพียงเพื่อสะดวกในการอุดฟันย่อมไม่ควร อีกทั้งเมื่อเด็กชายก้องหมดสติร้องจนตัวเขียวแล้วค่อยส่งไปรักษาพยาบาลเป็นการขาดความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนี้จักต้องมีตามวิสัยแพทย์ แต่ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอ เป็นผลให้เด็กชายก้องพิการอันเป็นอันตรายสาหัส จึงต้องรับผิดตามมาตรา 300
สรุป หมอสมจิตมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ตามมาตรา 300
ข้อ 2 นายอาทิตย์มีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายคือ นางจันทร์ และมีบุตรด้วยกัน 1 คน นายอาทิตย์กับนางจันทร์มีปัญหาครอบครัวและทะเลาะมีปากเสียงกันเป็นประจำ ในที่สุดบุคคลทั้งสองจึงตกลงแยกกันอยู่และจดทะเบียนหย่าเมื่อบุตรบรรลุนิติภาวะแล้ว หลังจากแยกกันอยู่ได้ประมาณ 5 ปี นายอาทิตย์ก็ไปมีความรักและความสัมพันธ์กับ น.ส.ดารา อายุ 17 ปีเศษ นายอาทิตย์ได้ชักชวนให้ น.ส.ดารา มาอยู่กินเป็นสามีภริยาที่บ้านโดยตั้งใจว่าเมื่อหย่าขาดจากนางจันทร์แล้วก็จะจดทะเบียนสมรสกับ น.ส.ดารา บุตรของนายอาทิตย์ไม่ชอบ น.ส.ดารา และทะเลาะกลั่นแกล้งกันเป็นประจำ หลังจากอยู่ได้เพียง 1 เดือน น.ส.ดาราก็หนีกลับบ้าน ต่อมาบิดาของ น.ส.ดาราได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายอาทิตย์ ให้วินิจฉัยว่า การกระทำของนายอาทิตย์จะเป็นความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 319 วรรคแรก ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานพรากผู้เยาว์โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย ตามมาตรา 319 วรรคแรก ประกอบด้วย
1 พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี
2 ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล
3 โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย
4 โดยเจตนา
5 เพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร
นายอาทิตย์มีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้วคือ นางจันทร์ แต่ได้ตกลงแยกกันอยู่และจะจดทะเบียนหย่ากันภายหลัง ในระหว่างแยกกันอยู่นายอาทิตย์ได้มีความรักและความสัมพันธ์กับ น.ส.ดารา อายุ 17 ปีเศษ และได้ชักชวนให้ น.ส.ดารามาอยู่กินเป็นสามีภริยาที่บ้าน การที่นายอาทิตย์ชักชวน น.ส.ดาราไปอยู่ด้วยกัน และ น.ส.ดาราก็เต็มใจไปอยู่ด้วย แต่ก็ไม่มีทางเลยที่จะทำให้ น.ส.ดาราเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายได้ แสดงว่านายอาทิตย์มีเจตนาจะเลี้ยงดูผู้เยาว์เป็นภริยาไม่ ดังนั้นการกระทำของนายอาทิตย์จึงเป็นการพรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดาฯ เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย ตามมาตรา 319 วรรคแรก
สรุป นายอาทิตย์มีความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพฐานพรากผู้เยาว์ตามมาตรา 319 วรรคแรก
ข้อ 3 นายชิตพกอาวุธปืนเพ่อจะชิงทรัพย์นายแก้วลูกมหาเศรษฐีที่มักพกเงินติดตัวไว้เป็นจำนวนมาก พอตกเย็นนายชิตจึงแกล้งชวนนายแก้วไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ เมื่อเดินผ่านห้องน้ำสาธารณะนายชิตทำทีขอเข้าห้องน้ำ โดยให้นายแก้วนั่งรออยู่ เมื่อเข้าไปในห้องน้ำนายชิตได้ใช้หมวกไหมพรมสวมศีรษะไว้เพื่อไม่ให้นายแก้วจำตนเองได้ ปรากฏว่าขณะนายชิตกำลังจะออกจากห้องน้ำ นายชิตเห็นนายแก้วกำลังยืนคุยอยู่กับเจ้าหน้าที่สายตรวจอยู่ จึงไม่กล้าออกมาแต่แอบหลบหนีไปก่อน ดังนี้ นายชิตกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ฐานใดหรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษ…
มาตรา 339 วรรคแรก ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ
(1) ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์ หรือการพาทรัพย์นั้นไป
(2) ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น
(3) ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้
(4) ปกปิดการกระทำความผิดนั้น หรือ
(5) ให้พ้นจากการจับกุม
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
นายชิตแกล้งหลอกนายแก้วลูกมหาเศรษฐีไปเพื่อชิงทรัพย์ จึงแกล้งชวนนายแก้วไปเดินที่สวนสาธารณะ และทำทีขอเข้าห้องน้ำ โดยให้นายแก้วนั่งรออยู่ เมื่อเข้าไปในห้องน้ำนายชิตได้ใช้หมวกไหมพรมสวมศีรษะไว้เพื่อไม่ให้นายแก้วจำหน้าตนเองได้ แต่ยังไม่ทันลงมือชิงทรัพย์ นายชิตเห็นนายแก้วกำลังยืนคุยอยู่กับเจ้าหน้าที่สายตรวจ จึงได้หลบไป ถือว่านายชิตยังมิได้ลงมือกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 334 แต่อย่างใด เพราะจะเป็นการลงมือกระทำความผิดได้ ต้องเป็นกรณีที่การกระทำนั้นได้ใกล้ชิดกับผลสำเร็จแล้ว ดังนั้นเมื่อยังไม่ถึงขั้นลงมือกระทำความผิด การกระทำของนายชิตก็ไม่เป็นการพยายามลักทรัพย์ด้วยและเมื่อไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ก็ย่อมไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ ตามมาตรา 339
สรุป การกระทำของนายชิตไม่เป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์แต่อย่างใด
ข้อ 4 นายแมวนำธนบัตรจำนวน 200 บาท ไปขอแลกธนบัตรย่อยกับนายไก่ ขณะนั้นลูกค้าของนายไก่กำลังแน่นร้าน ทำให้นายไก่ส่งธนบัตรย่อยใบ 20 บาทบ้าง 50 บาทบ้าง โดยติดธนบัตร 500 บาทปนมาด้วยโดยพลั้งเผลอ นายแมวรับธนบัตรมานับและรู้ว่ามีธนบัตรใบ 500 เกินมา แต่ด้วยความโลภจึงรีบนำเงินใส่กระเป๋ากางเกงแล้วรีบเดินออกจากร้านไป พอพ้นช่วงตึกแถวร้านค้าไปได้สัก 20 เมตร นายไก่มองไม่เห็นธนบัตรใบ 500 บาทของตนเอง จึงวิ่งไปที่หน้าร้านและตะโกนเรียกนายแมวให้หยุด แต่นายแมวไม่หยุด ดังนี้ นายแมวกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 352 วรรคแรก ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอกต้องระวางโทษ…
ถ้าทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบของผู้กระทำความผิด เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดไปด้วยประการใด หรือเป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้กระทำความผิดเก็บได้ ผู้กระทำต้องระวางโทษแต่เพียงกึ่งหนึ่ง
วินิจฉัย
นายแมวนำธนบัตรจำนวน 200 บาท ไปขอแลกธนบัตรย่อยกับนายไก่ นายไก่ส่งธนบัตรใบละ 500 บาท ติดมากับธนบัตรย่อยโดยพลั้งเผลอ ธนบัตรใบ 500 บาทดังกล่าวได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของนายแมว เพราะนายไก่ส่งมอบให้โดยสำคัญผิด เมื่อนายแมวเห็นธนบัตรใบละ 500 บาทเกินมา แล้วไม่คืนนายแมวยังได้นำเงินใส่กระเป๋ากางเกงแล้วรีบเดินออกจากร้านไป ถือว่านายแมวเบียดบังเอาทรัพย์เป็นของตนเองโดยทุจริตจึงเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ที่ผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิด ตามมาตรา 352 วรรคสอง
สรุป นายแมวมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามมาตรา 352 วรรคสอง