การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2550
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 3001 กฎหมายอาญา 3
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ
ข้อ 1 สมศรีเป็นนายทุนออกเงินให้กู้ สมศรีไปทวงเงินกู้จากสมชาย แต่ถูกสมชายกับพวกจับตัวมัดไว้แล้วใช้ท่อนไม้ฟาดศีรษะเพื่อฆ่าล้างหนี้ สมศรีแกล้งทำเป็นตาย สมชายกับพวกเข้าใจว่าตายแล้วจึงช่วยกันยกร่างสมศรีใส่รถแล้วพาไปโยนทิ้งบ่อน้ำ สมศรีถูกมัดอยู่และว่ายน้ำไม่เป็นจึงจมน้ำตาย ดังนี้ สมชายจะมีความผิดต่อชีวิตและร่างกายฐานใด
ธงคำตอบ
มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ตามมาตรา 288 ประกอบด้วย
1 ฆ่า
2 ผู้อื่น
3 โดยเจตนา
การที่สมชายกับพวกจับสมศรีมัดไว้แล้วใช้ท่อนไม่ฟาดศีรษะเพื่อฆ่าล้างหนี้ ถือว่าสมชายมีเจตนาฆ่า แม้สมศรีจะไม่ตายเพราะถูกตีศีรษะ แต่ตายเพราะจมน้ำเนื่องจากว่ายน้ำไม่เป็น ก็ถือได้ว่าความตายเป็นผลโดยตรงจากการที่สมชายกระทำโดยมีเจตนาฆ่า ดังนั้นสมชายมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามมาตรา 288
สรุป สมชายมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามมาตรา 288
ข้อ 2 วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 07.00 น. ขณะที่นายเล็กจอดรถสามล้อเครื่องที่หน้าตลาดเพื่อส่งผู้โดยสาร นายใหญ่ซึ่งวิ่งราวทรัพย์ของเจ้าทรัพย์และวิ่งหลบหนีมาได้กระโดดขึ้นบนรถแล้วใช้อาวุธมีดขู่บังคับให้นายเล็กขับรถออกจากที่จอดและให้ขับด้วยความเร็ว นายเล็กกลัวจะถูกทำร้ายจึงพยายามจะขับรถไปตามที่ถูกบังคับ แต่ด้วยบริเวณที่เกิดเหตุสภาพการจราจรหนาแน่นทำให้นายเล็กขับรถออกจากที่เดิมยังไม่ได้ เจ้าทรัพย์และคนอื่นซึ่งวิ่งตามนายใหญ่ก็ตามมาทัน และจับตัวนายใหญ่บนรถสามล้อเครื่องนั่นเอง ดังนี้จากข้อเท็จจริงดังกล่าวให้วินิจฉัยว่าการกระทำของนายใหญ่จะเป็นความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพใดหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 80 ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด
ผู้ใดพยายามกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา 309 วรรคแรก ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้นต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ ตามมาตรา 309 ประกอบด้วย
1 ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด
2 โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย
3 จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น
4 โดยเจตนา
การที่นายใหญ่ใช้มีดขู่บังคับให้นายเล็กขับรถไปด้วยความเร็ว เป็นการข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดๆ โดยมีอาการกิริยาเป็นการข่มขืนใจให้นายเล็กกลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ชีวิต แต่นายเล็กก็มิได้ขับรถให้เร็วขึ้นกว่าที่ขับส่งผู้โดยสารตามปกติ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความเช่นนี้จึงต้องถือว่าการกระทำของนายใหญ่ไม่บรรลุผลเพราะสภาพของการจราจรในขณะนั้นไม่อำนวยให้นายเล็กขับรถเร็วขึ้นกว่าปกติตามที่นายใหญ่ข่มขืนใจให้นายเล็กกระทำ นายใหญ่จึงมีความผิดฐานพยายามกระทำผิดต่อเสรีภาพ ตามมาตรา 309 ประกอบมาตรา 80
สรุป นายใหญ่มีความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพฐานพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดๆตามมาตรา 309 ประกอบมาตรา 80
ข้อ 3 แดงนำรถยนต์ของแดงไปซ่อมเครื่องยนต์ที่อู่ซ่อมรถยนต์ของขาว แดงนำรถยนต์ไปมอบให้ขาวซ่อมซึ่งตกลงขาวจะซ่อมให้เสร็จภายใน 1 สัปดาห์ ข้อเท็จจริงปรากฏว่าแดงลืมนำเงินที่อยู่ในรถยนต์จำนวน 10,000 บาท ที่แดงเก็บไว้ในลิ้นชักด้านหน้าของรถยนต์คันนี้กลับมาบ้านด้วย ขาวทำการซ่อมรถยนต์อยู่ประมาณ 2 วัน ขาวเปิดดูลิ้นชักหน้ารถยนต์ของแดงพบเงิน 10,000 บาท ขาวจึงดึงเงินออกมาเพียง 1,000 บาท และเก็บเอาไว้ใช้เสียเอง ในวันนั้นเองแดงกลับมาเอาเงินในรถยนต์ของตนคืน แต่มีเงินเพียง 9,000 บาท เท่านั้น แดงจึงถามขาวว่ามีคนเข้ามาเปิดเอาของในรถยนต์ไปหรือไม่ ขาวปฏิเสธว่าไม่มี ดังนี้ท่านจงวินิจฉัยว่าขาวมีความผิดอาญาเกี่ยวกับทรัพย์ฐานใด
ธงคำตอบ
มาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์ ตามมาตรา 334 ประกอบด้วย
1 เอาไป
2 ทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
3 โดยเจตนา
4 โดยทุจริต
“เอาไป” หมายความว่า เอาไปจากการครอบครองของผู้อื่นจะด้วยวิธีการใดก็ได้ แต่ต้องเป็นการทำให้ทรัพย์นั้นเคลื่อนที่ไปจากเดิมในลักษณะที่จะพาเอาไปได้ ทั้งนี้เพื่อแย่งการครอบครองหรือตัดสิทธิของเจ้าของทรัพย์ มิใช่เป็นการเอาไปชั่วคราว
แดงส่งมอบการครอบครองรถยนต์ให้ขาวซ่อม แต่เงินในรถยนต์นั้นแดงลืมไว้เช่นนี้ถือว่าการครอบครองเงินยังอยู่ที่แดง การที่ขาวเอาเงินไป 1,000 บาท จึงเป็นการแย่งการครอบครองเงินจากแดงซึ่งเป็นการเอาไปซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น ทั้งปฏิเสธตามที่แดงถาม และเก็บเงินไว้ใช้เองนั้น เป็นการกระทำโดยทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ขาวจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ ตามมาตรา 334
สรุป ขาวจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ ตามมาตรา 334
ข้อ 4 เอกว่าจ้างโทขับรถบรรทุกให้คนของย้ายบ้านไปอาศัยอยู่กับญาติเนื่องจากตกงาน โดยตกลงค่าว่าจ้างกัน 2,000 บาท แต่เอกมีเงินอยู่เพียง 1,000 บาท จึงหลอกโทว่าจ่ายค่าจ้างให้ครึ่งหนึ่งเป็นเงิน 1,000 บาทก่อน ขนของเสร็จจะจ่ายให้อีก 1,000 บาท แต่ปรากฏว่าเมื่อขนย้ายเสร็จเอกกลับบอกกับโทว่าเงินหมดแล้วมีแค่ที่จ่ายให้แล้วเท่านั้น ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่าเอกจะมีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ฐานใดหรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามหรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอน หรือทำลาย เอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 ประกอบด้วย
1 หลอกลวงผู้อื่นด้วยการ
(ก) แสดงข้อความเป็นเท็จ หรือ
(ข) ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง
2 โดยการหลอกลวงนั้น
(ก) ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม
(ข) ทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ
3 โดยเจตนา
4 โดยทุจริต
เอกว่าจ้างโทให้ขนของย้ายบ้าน โดยหลอกโทว่าจะจ่ายค่าจ้างให้ครึ่งหนึ่งเป็นเงิน 1,000 [ท ขนของเสร็จแล้วจะจ่ายให้อีก 1,000 บาท โทหลงเชื่อได้รับจ้างขนส่งให้ เมื่อขนย้ายเสร็จเอกปฏิเสธไม่จ่ายเงินให้โท จึงเป็นการหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ โดยเจตนาทุจริต แต่อย่างไรก็ดี เอกได้รับเพียงการขนส่งจากโท เอกไม่ได้ไปซึ่งทรัพย์สินด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ โดยเจตนาทุจริต แต่อย่างไรก็ดี เอกได้รับเพียงการขนส่งจากโท เอกไม่ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากโทผู้ถูกหลอกลวง ส่วนเงินค่าจ้างขนส่ง 1,000 บาทที่เอกไม่ได้ชำระให้โท เป็นทรัพย์ที่โทจะเรียกร้องเอาจากเอกภายหลังเมื่อขนส่งให้เอกถึงที่ที่ตกลงกันแล้ว กรณีเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง เมื่อจ่ายค่าขนส่งไม่ครบก็ต้องไปฟ้องเรียกร้องทางแพ่งต่อไป ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341
สรุป เอกไม่มีความผิดฐานฉ้อโกง ตามมาตรา 341