การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2547
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2013
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตั๋วเงิน บัญชีเดินสะพัด
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 3 ข้อ
ข้อ 1 ก เล็กได้เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันไว้กับธนาคารสวรรคโลก จำกัด (มหาชน) โดยในคำขอเปิดบัญชีฯนั้น มีข้อหนึ่งกำหนดว่า “ถ้าเงินในบัญชีของผู้ฝากมีไม่พอจ่ายตามเช็ค แต่ธนาคารได้จ่ายเงินตามเช็คให้ไป ผู้ฝากจะต้องจ่ายเงินส่วนหนึ่งที่ธนาคารจ่ายเงินเกินไปคืนให้กับธนาคารเสมือนหนึ่งว่าได้ขอเบิกเกินบัญชีกับธนาคาร และธนาคารจะคิดดอกเบี้ยจากเงินที่เบิกเกินบัญชีนั้นเป็นดอกเบี้ยทบต้น” ต่อมาเล็กได้สั่งจ่ายเช็คเบิกเงินจากบัญชีฯดังกล่าวเกินกว่าวงเงินที่ตนฝากไว้หลายครั้ง และมีการนำเงินฝากเข้าบัญชีฯ เพื่อลดยอดหนี้บ้าง ดังนี้การกระทำระหว่างเล็กและธนาคารสวรรคโลก จำกัด (มหาชน) ดังที่กล่าวมานั้น ถือว่าเป็นการทำสัญญาบัญชีเดินสะพัดกันหรือไม่ เพราะเหตุใด
หมายเหตุ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 655 “ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยในดอกเบี้ยที่ค้างชำระ แต่ทว่าเมื่อดอกเบี้ยค้างชำระไม่น้อยกว่าปีหนึ่ง คู่สัญญากู้ยืมจะตกลงกันให้เอาดอกเบี้ยนั้นทบเข้ากับต้นเงินแล้วให้คิดดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ทบเข้ากันนั้นก็ได้ แต่การตกลงเช่นนั้นต้องทำเป็นหนังสือ
ส่วนประเพณีการค้าขายที่คำนวณดอกเบี้ยทบต้นในบัญชีเดินสะพัดก็ดี ในการค้าขายอย่างอื่นทำนองเช่นว่านั้นก็ดี หาอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติซึ่งกล่าวมาในวรรคก่อนนั้นไม่”
ข นาย A สั่งจ่ายเช็คเป็นจำนวน 10,000 บาท ระบุชื่อ นาย B เป็นผู้รับเงินและขีดฆ่าคำว่า “หรือผู้ถือ” ออก แล้วส่งมอบให้แก่นาย B เพื่อชำระหนี้ค่าเช่าบ้าน ต่อมานาย B ได้สลักหลังเฉพาะโอนให้แก่นาย C เพื่อชำระหนี้ค่าซื้อขายสินค้า โดยในการสลักหลังนั้นนาย B ได้ระบุถ้อยคำว่า “โอนให้นาย C แต่ข้าพเจ้ายอมรับผิดเพียง 5,000 บาท” ดังนี้ การสลักหลังโอนเช็คฉบับดังกล่าวของนาย B ตามที่กล่าวมานั้นมีผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร
ธงคำตอบ
มาตรา 856 อันว่าสัญญาบัญชีเดินสะพัดนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลสองคนตกลงกันว่าสืบแต่นั้นไปหรือในชั่วเวลากำหนดอันใดอันหนึ่ง ให้ตัดทอนบัญชีหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนอันเกิดขึ้นแต่กิจการในระหว่างเขาทั้งสองนั้นหักกลบลบกัน และคงชำระแต่ส่วนที่เป็นจำนวนคงเหลือโดยดุลภาค
วินิจฉัย
การที่ในคำขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันระหว่างเล็กกับธนาคารสวรรคโลก จำกัด (มหาชน) นั้น มีข้อตกลงว่าหากธนาคารจ่ายเงินเกินบัญชีให้ไปแล้วให้ถือเสมือนหนึ่งว่ามีข้อตกลงเบิกเงินเกินบัญชี ถือว่าเป็นการตกลงทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีระหว่างกันแล้วประกอบกับเล็กก็ทำการเบิกเงินเกินบัญชีไปหลายครั้ง และมีการนำเงินเข้าฝากบัญชีเพื่อลดหนี้บ้าง จึงถือว่าเล็กและธนาคารสวรรคโลก จำกัด (มหาชน) ได้ตกลงทำสัญญาบัญชีเดินสะพัดกันแล้วเพราะเป็นไปตามองค์ประกอบของมาตรา 856 (ฎ. 1629/2537)
สรุป การกระทำระหว่างเล็กและธนาคารสวรรคโลก จำกัด (มหาชน) เป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัด
ข อธิบาย
มาตรา 915 ผู้สั่งจ่ายตั๋วแลกเงินและผู้สลักหลังคนใดๆก็ดี จะจดข้อกำหนดซึ่งจะกล่าวต่อไปนี้ลงไว้ชัดแจ้งในตั๋วนั้นก็ได้ คือ
(1) ข้อกำหนดลบล้างหรือจำกัดความรับผิดของตนเองต่อผู้ทรงตั๋วแลกเงิน
มาตรา 989 วรรคแรก บทบัญญัติทั้งหลายในหมวด 2 อันว่าด้วยตั๋วแลกเงินดังจะกล่าวต่อไปนี้ ท่านให้ยกมาบังคับในเรื่องเพียงเท่าที่ไม่ขัดกับสภาพแห่งตราสารชนิดนี้ คือบทมาตรา 910, 914, ถึง 923, 925 , 926, 938 ถึง 940, 945, 946, 959, 967, 971
วินิจฉัย
การสลักหลังโอนเช็คของนาย B นั้น ถือเป็นกรณีที่ผู้สลักหลังจดข้อกำหนดจำกัดความรับผิดของตนต่อผู้ทรงตั๋วฯ ตามมาตรา 915(1) มิใช่การสลักหลังโอนบางส่วนแต่อย่างใด จึงถือว่าเป็นการโอนตั๋วฯตามปกติเพียงแต่นาย B ขอจำกัดความรับผิดของตนเพียง 5,000 บาทเท่านั้น ตามมาตรา 915(1) ประกอบมาตรา 989 วรรคแรก
สรุป การสลักหลังโอนเช็คของนาย B มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย
ข้อ 2 ก ผู้รับอาวัลตั๋วแลกเงินมีความรับผิดตามตั๋วฯ เป็นอย่างไร และจะสามารถหลุดพ้นจากความรับผิดตามตั๋วฯนั้นได้ด้วยเหตุใดบ้าง
ข ปริกสั่งจ่ายเช็คเป็นจำนวน 100,000 บาท ระบุให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ และส่งมอบให้แก่ปิ่นเพื่อชำระหนี้ค่าเช่าบ้าน ต่อมาปิ่นได้ไปเล่นพนันทายผลฟุตบอลต่างประเทศในบ่อนพนันของปอ แล้วปิ่นแพ้พนันต้องจ่ายเงินค่าพนันให้กับปอเป็นเงิน 100,000 บาท แต่ปิ่นไม่มีเงินจ่ายค่าพนันให้แก่ปอ ปอจึงขู่ว่าจะให้ลูกน้องทำร้ายปิ่นหากปิ่นไม่ยินยอมชำระเงินค่าพนันให้แก่ปอ ด้วยความกลัวปิ่นจึงได้สลักหลังเช็คฉบับที่รับมาจากปริกดังกล่าวนั้น แล้วส่งมอบชำระหนี้พนันให้แก่ปอไป ต่อมาเมื่อเช็คถึงกำหนดชำระเงิน ปอได้นำเช็คฉบับดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารตามเช็ค แต่ธนาคารฯปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คฉบับดังกล่าวให้แก่ปอ ปอจึงมาเรียกให้ปิ่นใช้เงินตามเช็คฉบับดังกล่าวให้แก่ปอ โดยอ้างว่าปิ่นเป็นผู้สลักหลังโอนเช็คฉบับดังกล่าวให้แก่ปอจึงต้องรับผิดใช้เงินให้แก่ปอ ปิ่นจึงมาปรึกษาท่านว่าตนจะต้องรับผิดจ่ายเงินตามเช็คให้แก่ปอตามที่ปอเรียกร้องมาหรือไม่ เพราะเหตุใด
(ให้นักศึกษาตอบคำถามโดยอาศัยหลักกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เกี่ยวกับสัญญาตั๋วเงินตามที่ได้ศึกษามา)
ธงคำตอบ
ก อธิบาย
ความรับผิดของผู้รับอาวัลตั๋วแลกเงินเป็นไปตามมาตรา 940 วรรคแรก ซึ่งมีหลักคือ
“ผู้รับอาวัลย่อมต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกันกับบุคคลซึ่งตนประกัน หมายถึง รับผิดในจำนวนเงินเท่ากับผู้ที่ตนเข้าประกัน (เว้นแต่ผู้รับอาวัลจะขอรับอาวัลบางส่วน)
ผู้รับอาวัลต้องรับผิดเสมอ แม้บางกรณีผู้ซึ่งตนประกันอาจหลุดพ้นจากความรับผิดไปได้ด้วยเหตุใดๆ นอกจากทำผิดแบบหรือระเบียบ (มาตรา 940 วรรคสอง)
การหลุดพ้นความรับผิดตามตั๋วแลกเงินของผู้รับอาวัลนั้น โดย
1 ตามมาตรา 940 วรรคสอง กล่าวคือ ตั๋วเงินนั้นผิดแบบหรือผิดระเบียบ เช่น ตั๋วเงินขาดรายการสำคัญ การสลักหลังลอยผิดแบบ การรับรองผิดแบบ ฯลฯ ผู้รับอาวัลสามารถอ้างตนให้หลุดพ้นจากความรับผิดดังกล่าวได้
2 ผู้รับอาวัลมีข้อต่อสู้กับผู้ทรงเป็นของตัวผู้รับอาวัลเองหรือผู้ทรงตั๋วแลกเงินนั้นมีสิทธิบกพร่อง
ข อธิบาย
มาตรา 904 อันผู้ทรงนั้น หมายความว่า บุคคลผู้มีตั๋วเงินไว้ในครอบครองโดยฐานเป็นผู้รับเงินหรือเป็นผู้รับสลักหลัง ถ้าและเป็นตั๋วเงินสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือๆ ก็นับว่าเป็นผู้ทรงเหมือนกัน
มาตรา 905 ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา 1008 บุคคลผู้ได้ตั๋วเงินไว้ในครอบครองถ้าแสดงให้ปรากฏสิทธิด้วยการสลักหลังไม่ขาดสาย แม้ถึงว่าการสลักหลังรายที่สุดจะเป็นสลักลอยก็ตาม ให้ถือว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อใดรายการสลักหลังลอยมีสลักหลังรายอื่นตามหลังไปอีก ท่านให้ถือว่าบุคคลผู้มีลงลายชื่อในการสลักหลังรายที่สุดนั้น เป็นผู้ได้ไปซึ่งตั๋วเงินด้วยการสลักหลังลอย อนึ่งคำสลักหลังเมื่อขีดฆ่าเสียและห้ามให้ถือเสมือนว่ามิได้มีเลย
ถ้าบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดต้องปราศจากตั๋วเงินไปจากครอบครอง ท่านว่าผู้ทรงซึ่งแสดงให้ปรากฏสิทธิของตนในตั๋วตามวิธีการดังกล่าวมาในวรรคก่อนนั้น หาจำต้องสละตั๋วเงินไม่ เว้นแต่จะได้มาโดยทุจริตหรือได้มาด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
อนึ่งข้อความในวรรคก่อนนี้ ให้ใช้บังคับตลอดถึงผู้ทรงตั๋วเงินสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย
มาตรา 918 ตั๋วแลกเงินอันสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือนั้น ท่านว่าย่อมโอนไปเพียงด้วยส่งมอบให้กัน
มาตรา921 การสลักหลังตั๋วแลกเงินซึ่งสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือนั้น ย่อมเป็นเพียงประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่าย
มาตรา 940 ผู้รับอาวัลย่อมต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกันกับบุคคลซึ่งตนประกัน
แม้ถึงว่าความรับผิดใช้เงินอันผู้รับอาวัลได้ประกันอยู่นั้นจะตกเป็นใช้ไม่ได้ด้วยเหตุใดๆ นอกจากเพราะทำผิดระเบียบ ท่านว่าข้อสัญญารับอาวัลนั้นก็ยังคงสมบูรณ์
มาตรา 989 วรรคแรก บทบัญญัติทั้งหลายในหมวด 2 อันว่าด้วยตั๋วแลกเงินดังจะกล่าวต่อไปนี้ ท่านให้ยกมาบังคับในเรื่องเพียงเท่าที่ไม่ขัดกับสภาพแห่งตราสารชนิดนี้ คือบทมาตรา 910, 914, ถึง 923, 925 , 926, 938 ถึง 940, 945, 946, 959, 967, 971
วินิจฉัย
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ สามารถโอนได้ด้วยการส่งมอบตามมาตรา 918 แต่การที่ปิ่นสลักหลังโอนเช็คให้แก่ปอนั้นถือว่าเป็นการโอนเช็คให้แก่ปอแล้วแต่มิได้ส่งผลให้การสลักหลังนั้นเป็นการสลักหลังโอน แต่เป็นการรับอาวัลปริกผู้สั่งจ่ายเช็คตามมาตรา 921 ปิ่นจึงมีฐานะเป็นผู้รับอาวัลปริกผู้สั่งจ่ายเช็ค ตามมาตรา 921, 940 ประกอบมาตรา 989 วรรคแรก มิใช่มีฐานะเป็นผู้สลักหลัง แต่อย่างไรก็ตามเมื่อปอได้เช็คมาจากปิ่นโดยไม่สุจริตเพราะรับเช็คมาเพื่อชำระหนี้การพนัน และปิ่นโอนเช็คให้ปอเพราะปอข่มขู่ปิ่น ดังนั้นปอจึงมิใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 904, 905 จึงไม่มีสิทธิเรียกให้ผู้ใดต้องรับผิดตามเช็คนี้ได้เลย
สรุป ปิ่นจึงมิต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คให้แก่ปอแต่อย่างใด
ข้อ 3 ก ธนาคารผู้จ่ายเงินตามเช็คจะหลุดพ้นจากความรับผิดในการใช้เงินตามเช็คได้อย่างไร จงอธิบายโดยยกหลักกฎหมายประกอบให้ชัดเจน
ข นางส้มปลอมลายมือชื่อของนายดำผู้เป็นสามีของตน สั่งจ่ายเช็คของนายดำเป็นจำนวน 100,000 บาท ระบุให้ใช้เงินแก่ผู้ถือแล้วส่งมอบให้แก่นางซื่อเพื่อชำระราคาค่าแหวนเพชรที่นางส้มซื้อมาจากร้านของนางซื่อ โดยนางซื่อรับเช็คนั้นไว้โดยสุจริต และไม่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ซึ่งนายดำก็ทราบถึงการปลอมลายมือชื่อของนางส้มดังกล่าวแต่ก็มิได้แจ้งให้ธนาคารผู้ต้องจ่ายเงินตามเช็คให้ทราบ เพราะเกรงว่านายส้มจะต้องถูกดำเนินคดีอาญา ต่อมานายคดลูกจ้างในร้านของนางซื่อได้งัดตู้เซฟที่นางซื่อใช้เก็บของมีค่าภายในร้านและได้ขโมยเอาเช็คฉบับที่นางส้มส่งมอบชำระราคาค่าแหวนเพชรให้นางซื่อดังกล่าวซึ่งเก็บไว้ในตู้เซฟไปขึ้นเงินกับธนาคารผู้มีหน้าที่จ่ายเงินตามเช็ค ธนาคารฯก็หลงเชื่อว่าลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายนั้นเป็นลายมือชื่อของนายดำเจ้าของบัญชีจริงๆ เพราะปลอมได้เหมือนมาก ธนาคารฯจึงจ่ายเงินตามเช็คฉบับดังกล่าวให้แก่นายคดไป และทำการหักบัญชีของนายดำตามจำนวนเงินที่ธนาคารจ่ายไป คือ 100,000 บาท นายดำทราบเรื่องก็ไม่ยินยอมให้ธนาคารหักเงินจากบัญชีของตนโดยอ้างว่าธนาคารจ่ายเงินตามเช็คไปทั้งที่ลายมือชื่อของผู้สั่งจ่ายเป็นลายมือชื่อปลอมธนาคารจะต้องรับผิดชอบเอง ดังนี้ ข้ออ้างของนายดำนั้นถูกต้องหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
ก อธิบาย
โดยหลักมาตรา 1009 ธนาคารจะหลุดพ้นจากความรับผิดเพราะการใช้เงินไปตามเช็คก็ต่อเมื่อต้องด้วยหลักเกณฑ์ดังนี้ คือ
1 ธนาคารได้ใช้เงินไปตามทางค้าปกติ
2 ธนาคารได้ใช้เงินไปโดยสุจริตและปราศจากประมาทเลินเล่อ และ
3 ธนาคารไม่มีหน้าที่ต้องนำสืบพิสูจน์ว่าตั๋วเงินนั้นจะมีการสลักหลังปลอมหรือสลักหลังโดยปราศจากอำนาจหรือไม่ เพียงแต่ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายไม่ปลอมก็เพียงพอแล้ว และให้ถือว่าธนาคารได้ใช้เงินไปถูกระเบียบ
ส่วนกรณีของเช็คขีดคร่อมนั้น มีวิธีพิเศษตามมาตรา 994 ซึ่งธนาคารผู้จ่ายเงินตามเช็คจะหลุดพ้นจากความรับผิดเพียงใดต้องบังคับตามมาตรา 998 กล่าวคือ ธนาคารผู้จ่ายได้ใช้เงินไปตามเช็คนั้นโดยสุจริตและปราศจากประมาทเลินเล่อ โดย
– กรณีเช็คขีดคร่อมทั่วไป ธนาคารผู้จ่ายต้องใช้เงินแก่ธนาคารใดธนาคารหนึ่งของผู้ทรงเช็ค หากมีการนำเช็คนั้นให้ธนาคารอื่นเรียกเก็บ (Collecting Bank) หรือจ่ายเงินเข้าบัญชีของผู้ทรงเช็ค จะจ่ายเป็นเงินสดมิได้ (มาตรา 994 วรรคแรก)
– กรณีเช็คขีดคร่อมเฉพาะ ธนาคารผู้จ่ายต้องใช้เงินให้แก่ธนาคารที่ระบุชื่อไว้โดยเฉพาะจะจ่ายให้ธนาคารอื่นมิได้ และจะจ่ายเป็นเงินสดมิได้ (มาตรา 994 วรรคสอง)
– กรณีเช็คขีดคร่อมเฉพาะให้แก่ธนาคารกว่าธนาคารหนึ่งขึ้นไป ธนาคารผู้จ่ายต้องปฏิเสธการจ่ายเงิน เว้นแต่อีกธนาคารหนึ่งนั้นมีฐานะเป็นธนาคารตัวแทนเรียกเก็บเงินแทน ดังนี้ ธนาคารผู้จ่ายก็สามารถจ่ายให้แก่ธนาคารตัวแทนนั้นได้ แต่จะจ่ายให้แก่ธนาคารอื่นมิได้ (มาตรา 995(4) ประกอบมาตรา 997 วรรคแรก)
ข อธิบาย
มาตรา 1008 วรรคแรก ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติทั้งหลายในประมวลกฎหมายนี้ เมื่อใดลายมือชื่อในตั๋วเงินเป็นลายมือปลอมก็ดี เป็นลายมือชื่อลงไว้โดยที่บุคคลซึ่งอ้างเอาเป็นเจ้าของลายมือชื่อนั้นมิได้มอบอำนาจให้ลงก็ดี ท่านว่าลายมือชื่อปลอมหรือลงปราศจากอำนาจเช่นนั้นเป็นอันใช้ไม่ได้ ใครจะอ้างอิงอาศัยแสวงสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อยึดหน่วงตั๋วเงินไว้ก็ดี เพื่อทำให้ตั๋วนั้นหลุดพ้นก็ดี หรือเพื่อบังคับการใช้เงินเอาแก่คู่สัญญาแห่งตั๋วนั้นคนใดคนหนึ่งก็ดี ท่านว่าไม่อาจจะทำได้เป็นอันขาด เว้นแต่คู่สัญญาฝ่ายซึ่งจะพึงถูกยึดหน่วงหรือถูกบังคับใช้เงินนั้นจะอยู่ในฐานเป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอม หรือข้อลงลายมือชื่อปราศจากอำนาจนั้นขึ้นเป็นข้อต่อสู้
แต่ข้อความใดๆอันกล่าวมาในมาตรานี้ ท่านมิให้กระทบกระทั่งถึงการให้สัตยาบันแก่ลายมือชื่อลงไว้โดยปราศจากอำนาจแต่หากไม่ถึงแก่เป็นลายมือปลอม
มาตรา 1009 ถ้ามีผู้นำตั๋วเงินชนิดจะพึงใช้เงินตามเขาสั่งเมื่อทวงถามมาเบิกต่อธนาคารใด และธนาคารนั้นได้ใช้เงินให้ไปตามทางค้าปกติโดยสุจริตและปราศจากประมาทเลินเล่อไซร้ ท่านว่าธนาคารไม่มีหน้าที่จะต้องนำสืบว่าการสลักหลังของผู้รับเงิน หรือการสลักหลังในภายหลังรายใดๆได้ทำไปด้วยอาศัยรับมอบอำนาจแต่บุคคลซึ่งอ้างเอาเป็นเจ้าของคำสลักหลังนั้น และถึงแม้ว่ารายการสลักหลังนั้นจะเป็นสลักหลังปลอมหรือปราศจากอำนาจก็ตาม ท่านให้ถือว่าธนาคารได้ใช้เงินไปถูกระเบียบ
วินิจฉัย
ตามหลักกฎหมายในกรณีที่ตั๋วฯ มีลายมือชื่อปลอมต้องบังคับตามมาตรา 1008 เว้นแต่จะมีมาตราอื่นบัญญัติไว้เป็นพิเศษ เช่น มาตรา 1009 แต่เนื่องจากมาตรา 1009 เป็นกรณีเกี่ยวกับบทคุ้มครองธนาคารผู้จ่ายเงินตามตั๋วฯ ที่มีลายมือชื่อผู้สลักหลังปลอม มิใช่กรณีลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอม ดังนั้นหากเป็นกรณีลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอมจะต้องบังคับตามมาตรา 1008
ดังนั้นตามข้อเท็จจริงดังกล่าว ลายมือชื่อนายดำผู้สั่งจ่ายเป็นลายมือชื่อปลอมที่นางส้มปลอมขึ้น ซึ่งปกติแล้วธนาคารผู้จ่ายจะอ้างความหลุดพ้นตามาตรา 1009 ไม่ได้ เพราะถ้ากรณีลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอมต้องบังคับตามมาตรา 1008 ซึ่งธนาคารจะไม่สามารถบังคับอ้างให้หลุดความรับผิดโดยอาศัยลายมือชื่อปลอมได้เช่นกัน แต่เนื่องจากข้อเท็จจริงดำทราบเรื่องแต่ไม่แจ้งให้ธนาคารทราบ จึงถือว่าดำตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกลายมือชื่อปลอมขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ดังนั้นธนาคารสามารถหักเงินจากบัญชีของดำได้
สรุป ข้ออ้างของดำจึงไม่ถูกต้อง