การสอบภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2548

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2013 

Advertisement

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตั๋วเงิน บัญชีเดินสะพัด

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  ก  อาทิตย์ออกทุนให้จันทร์เพื่อเลี้ยงไก่ครั้งละไม่เกินห้าแสนบาท  เป็นเวลา  5  ปี  โดยให้เบิกเป็นลูกไก่  อาหารไก่  ยา  สิ่งของที่จำเป็นในการเลี้ยงไก่และค่าจ้างแรงงาน  โดยอาทิตย์จะจดบัญชีไว้ว่าจันทร์เป็นหนี้เงินอยู่จำนวนเท่าใด  โดยคำนวณจากสิ่งของที่จันทร์เอาไป  และเมื่อลูกไก่โตได้ขนาด  จันทร์ต้องขายไก่ให้กับอาทิตย์โดยอาทิตย์จะตีราคาไก่แล้วหักเงินที่จันทร์เป็นหนี้ออกแล้วมอบส่วนที่เหลือให้จันทร์  แต่ถ้าเงินราคาไก่ที่จันทร์จะได้รับนั้นไม่พอชำระหนี้อาทิตย์จะเอาส่วนต่างนั้นไปลงบัญชีว่าจันทร์เป็นหนี้อยู่เท่าใด  และจะหักบัญชีเมื่อจันทร์ขายไก่ครั้งต่อไป

ดังนี้  นิติสัมพันธ์ระหว่างอาทิตย์กับจันทร์เป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัดหรือไม่อย่างไร

ข  ประมวลกฎหมายแพ่งละพาณิชย์  กล่าวถึง  การโอนตั๋วแลกเงินอย่างไรบ้าง  ให้อธิบายโดยอ้างอิงหลักกฎหมาย

ธงคำตอบ

ก  อธิบาย

มาตรา  856  อันว่าสัญญาบัญชีเดินสะพัดนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลสองคนตกลงกันว่าสืบแต่นั้นไปหรือในชั่วเวลากำหนดอันใดอันหนึ่ง  ให้ตัดทอนบัญชีหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนอันเกิดขึ้นแต่กิจการในระหว่างเขาทั้งสองนั้นหักกลบลบกัน  และคงชำระแต่ส่วนที่เป็นจำนวนคงเหลือโดยดุลภาค

วินิจฉัย

ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวนิติสัมพันธ์ระหว่างอาทิตย์กับจันทร์เป็นการตกลงในช่วงระยะเวลา  5  ปี  ให้มีการตัดทอนบัญชีหนี้สินที่เกิดขึ้นในระหว่างอาทิตย์กับจันทร์ด้วยวิธีการหักกลบลบกันและชำระแต่ส่วนที่จำนวนคงเหลือโดยดุลภาคจึงถือว่าเป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัด  ตามมาตรา  856

สรุป  นิติสัมพันธ์ระหว่างอาทิตย์กับจันทร์เป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัด

ข  อธิบาย

ตามลักษณะของตั๋วแลกเงินมีอยู่  2  ชนิด  คือ  ตั๋วแลกเงินชนิดระบุชื่อผู้รับเงินหรือตามคำสั่งผู้รับเงิน  เรียกว่า  ตั๋วแลกเงินระบุชื่อ  ซึ่งในตั๋วเงินทั้ง  3  ประเภท  คือ  ตั๋วแลกเงิน  ตั๋วสัญญาใช้เงินและเช็ค  และตั๋วแลกเงินชนิดที่ระบุชื่อผู้รับและมีคำว่า  หรือผู้ถือ  รวมอยู่ด้วย หรือระบุให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ  เรียกว่า  ตั๋วแลกเงินผู้ถือ  ซึ่งมีเฉพาะตั๋วแลกเงินและเช็คเท่านั้น

ดังนั้นวิธีการโอนตั๋วแลกเงินจึงแตกต่างกันตามชนิดของตั๋วแลกเงินดังกล่าวข้างต้น  กล่าวคือ

1       กรณีโอนตั๋วแลกเงินระบุชื่อ  มาตรา  917  วรรคแรก  บัญญัติให้โอนต่อไปได้ด้วยการสลักหลังและส่งมอบ

อนึ่งการสลักหลังมี  2  วิธี  คือ  สลักหลังเฉพาะ  (เจาะจงชื่อผู้รับสลักหลัง)  ซึ่งมาตรา  919  ได้บัญญัติวิธีการสลักหลังไว้ดังนี้

 (ก)  สลักหลังเฉพาะ  (Specific  Endorsement)  ให้ระบุชื่อผู้รับสลักหลัง  แล้วลงลายมือชื่อผู้สลักหลังลงไปในตั๋วเงิน  โดยจะกระทำด้านหน้าหรือด้านหลังตั๋วเงินนั้นก็ได้  (มาตรา  917  วรรคแรก  มาตรา  919  วรรคแรก)

(ข)  สลักหลังลอย  (Blank  Endorsement)  ผู้สลักหลังเพียงลงลายมือชื่อตนเองโดยลำพังด้านหลังตั๋วเงิน  โดยไม่ต้องระบุชื่อผู้รับประโยชน์  (ผู้รับสลักหลัง)  (มาตรา  917  วรรคแรก  มาตรา  919  วรรคสอง)

ผู้ทรงที่ได้รับสลักหลังโอนตั๋วเงินนั้นมาจากการสลักหลังดังกล่าวใน  (ก)  หรือ  (ข)  แล้วก็สามารถสลักหลังโอนตั๋วเงินระบุชื่อนั้นโดยวิธีข้างต้นต่อไปอีกก็ได้  แต่ผู้ทรงที่ได้รับโอนตั๋วเงินด้วยการสลักหลังลอย  สามารถเลือกโอนตั๋วเงินระบุชื่อนั้นต่อไปได้อีก  3  วิธี  ทั้งนี้ตามมาตรา  920  วรรคสอง  คือ

(1) เติมชื่อบุคคลที่ตนเองประสงค์จะโอนให้

(2) สลักหลังลอยหรือสลักหลังเฉพาะต่อไป  หรือ

(3) ส่งมอบต่อไปโดยไม่ต้องสลักหลัง

 2       กรณีโอนตั๋วแลกเงินผู้ถือ  มาตรา  918  บัญญัติให้โอนต่อไปได้ด้วยการส่งมอบ

 

ข้อ  2  ก  การที่บุคคลจะจดข้อกำหนดลงไว้ในตั๋วเงิน  เช่น  การจำกัดความรับผิดในมูลหนี้ตั๋วแลกเงินก็ดี  การสลักหลังโอนเช็คบางส่วนก็ดี  การสลักหลังจำนำเช็คก็ดี  บุคคลจะกระทำได้หรือไม่  และจะก่อให้เกิดผลตามกฎหมายอย่างไร

ข  เอกสั่งซื้อสินค้า  OTOP  5  ดาว  จากโทผู้ประกอบการ  SMEs  ด้วยการลงลายมือชื่อสั่งจ่าย  เช็คธนาคารสินไทยเป็นการล่วงหน้า  จำนวน  50,000  บาท  ระบุชื่อโทเป็นผู้รับเงินขีดคร่อมทั่วไปและขีดฆ่าคำว่า  หรือผู้ถือ  ในเช็คนั้นออก  ต่อมาโทได้สลักหลังเช็คโดยเขียนข้อความว่า  ราคาเป็นประกัน  จำนวน  25,000  บาท  ให้ไว้แก่ตรี  พร้อมทั้งลงลายมือชื่อของโทส่งมอบเช็คดังกล่าวให้แก่ตรี พร้อมทั้งตกลงว่าจะไถ่ถอนเช็คกลับคืนก่อนเช็คถึงกำหนดใช้เงิน  ก่อนเช็คถึงกำหนด  โทขาดสภาพคล่องทางการเงินเป็นการชั่วคราว  และไม่สามารถผลิตสินค้าส่งให้แก่เอกได้  อีกทั้งไม่มีเงินที่จะไถ่ถอนเช็คนั้นกลับคืนมา  ครั้นเช็คถึงกำหนดใช้เงิน  ตรีได้นำเช็คดังกล่าวไปฝากให้ธนาคารกรุงทองเรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารสินไทย  แต่ได้รับการปฏิเสธการจ่ายเงิน  เพราะเอกได้มีคำสั่งห้ามธนาคารจ่ายเงิน  เนื่องจากโทผิดสัญญาซื้อขาย  ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่าตรีจะบังคับไล่เบี้ยให้บุคคลใดรับผิดตามมูลหนี้ในเช็คพิพาทดังกล่าวได้ในฐานะใด  และเพียงใดหรือไม่  อนึ่งเอกจะอ้างการที่โทผิดสัญญาซื้อขายขึ้นต่อสู้ตรีได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

ก  อธิบาย

 –                    การจดข้อกำหนดลงไว้ในตั๋วแลกเงินด้วยการจำกัดความรับผิดในมูลหนี้ตั๋วแลกเงินนั้น  ป.พ.พ.  มาตรา  915(1)  อนุญาตให้ผู้สั่งจ่ายตั๋วแลกเงิน  และผู้สลักหลังทุกคนสามารถกระทำได้  อันเป็นผลให้ผู้ทรงมีสิทธิบังคับไล่เบี้ยได้เพียงเท่าที่เขาได้จำกัดความรับผิดไว้นั้น

–                    การสลักหลังโอนเช็คเพียงบางส่วนนั้น  ไม่สามารถกระทำได้  หากกระทำไป  กรณีย่อมเป็นผลให้การสลักหลังโอนนั้นเป็นโมฆะ  ตามมาตรา  922  วรรคสอง  ประกอบมาตรา  989  วรรคแรก

 –                    การสลักหลังจำนำเช็ค  โดยใช้ถ้อยคำว่า  ราคาเป็นประกัน  หรือ  ราคาเป็นจำนำ  หรือ  ถ้อยคำอื่นอันเป็นปริยายว่าจำนำ  กรณีย่อมเป็นผลให้ผู้สลักหลังมีฐานะเป็นผู้จำนำ  ผู้ทรงเป็นผู้รับจำนำ  และผู้ทรงเช็คนั้นย่อมมีสิทธิทั้งปวงอันเกิดแต่เช็คนั้นได้ทั้งสิ้น  เช่น  การบังคับจำนำ  หรือบังคับไล่เบี้ยคู่สัญญาในเช็คนั้นแต่ถ้าผู้ทรงสลักหลังเช็คนั้นต่อไป  ย่อมใช้ได้ในฐานะเป็นคำสลักหลังของตัวแทนของผู้สลักหลังจำนำ  กรณีจึงต้องได้รับความยินยอมจากผู้สลักหลังจำนำ  ตามมาตรา  926  วรรคแรก  ประกอบมาตรา  989  วรรคแรก

ข  อธิบาย

มาตรา  914  บุคคลผู้สั่งจ่ายหรือสลักหลังตั๋วแลกเงินย่อมเป็นอันสัญญาว่า  เมื่อตั๋วนั้นได้นำมายื่นโดยชอบแล้วจะมีผู้รับรองและใช้เงินตามเนื้อความแห่งตั๋ว  ถ้าและตั๋วแลกเงินนั้นเขาไม่เชื่อถือโดยไม่ยอมรับรองก็ดี  หรือไม่ยอมจ่ายเงินก็ดี  ผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังก็จะใช้เงินแก่ผู้ทรง  หรือแก่ผู้สลักหลังคนหลังซึ่งต้องถูกบังคับให้ใช้เงินตามตั๋วนั้น  ถ้าหากว่าได้ทำถูกต้องตามวิธีการในข้อไม่รับรองหรือไม่จ่ายเงินนั้นแล้ว

มาตรา  926  เมื่อใดความที่สลักหลังมีข้อกำหนดว่า  ราคาเป็นประกัน  ก็ดี  ราคาเป็นจำนำ  ก็ดี  หรือข้อกำหนดอย่างอื่นใดอันเป็นปริยายว่าจำนำไซร้  ท่านว่าผู้ทรงตั๋วแลกเงินจะใช้สิทธิทั้งปวงอันเกิดแต่ตั๋วนั้นก็ย่อมได้ทั้งสิ้น  แต่ถ้าผู้ทรงสลักหลังตั๋วนั้น  ท่านว่าการสลักหลังย่อมใช้ได้เพียงในฐานเป็นคำสลักหลังของตัวแทน

คู่สัญญาทั้งหลายซึ่งต้องรับผิดหาอาจจะต่อสู้ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้สลักหลังนั้นได้ไม่  เว้นแต่การสลักหลังจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล

มาตรา  959  ผู้ทรงตั๋วแลกเงินจะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่บรรดาผู้สลักหลัง  ผู้สั่งจ่าย  และบุคคลอื่นๆซึ่งต้องรับผิดตามตั๋วเงินนั้นก็ได้  คือ

(ก)  ไล่เบี้ยได้เมื่อตั๋วเงินถึงกำหนดในกรณีไม่ใช้เงิน

มาตรา  989  วรรคแรก  บทบัญญัติทั้งหลายในหมวด  2  อันว่าด้วยตั๋วแลกเงินดังจะกล่าวต่อไปนี้  ท่านให้ยกมาบังคับในเรื่องเช็คเพียงเท่าที่ไม่ขัดกับสภาพแห่งตราสารชนิดนี้  คือบทมาตรา  910, 914 ถึง  923, 925, 926 …959…

วินิจฉัย

โทได้สลักหลังจำนำเช็คพิพาทไว้กับตรี  การที่โทไม่ไถ่ถอนเช็คนั้นจากตรี  และธนาคารฯได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน  ตรีย่อมมีสิทธิบังคับจำนำเช็คได้ในฐานะเป็นผู้ทรงเช็คคนหนึ่ง  กล่าวคือ  มีสิทธิไล่เบี้ยเอกผู้สั่งจ่าย  ซึ่งต้องรับผิดตามจำนวนในเช็คคือ  50,000  บาท  แล้วหักราคาที่รับจำนำไว้  25,000  บาท  พร้อมด้วยดอกเบี้ยที่เหลือต้องคืนให้แก่โทผู้จำนำ  หรืออาจบังคับจำนำจากโทผู้สลักหลังจำนำ  ได้ตามราคาที่รับจำนำพร้อมดอกเบี้ย  ตามมาตรา  914, 926  วรรคแรก  959(ก)  ประกอบมาตรา  989  วรรคแรก  อนึ่งเอกจะอ้างการที่โทผิดสัญญาซื้อขายอันเป็นข้อต่อสู้ที่อาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับโทผู้สลักหลังมิได้เพราะว่าตรีมิใช่ตัวแทนของโทแต่ตรีใช้สิทธิไล่เบี้ยในนามของตน  ตามมาตรา  926  วรรคสอง  ประกอบมาตรา  989  วรรคแรก

สรุป  ข้ออ้างของเอกฟังไม่ขึ้น  ตรีมีสิทธิบังคับจำนำเช็คในฐานะเป็นผู้ทรงเช็ค  กับเอกผู้สั่งจ่ายได้  หรือบังคับจำนำจากโทผู้สลักหลังจำนำก็ได้เช่นเดียวกัน

 

ข้อ  3  ก  ตั๋วเงินที่มีลายมือชื่อปลอมปรากฏอยู่นั้นจะมีผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร  ให้อธิบายมาให้เข้าใจโดยละเอียด

ข  นายนกสั่งจ่ายเช็คธนาคารหัวหมาก  จำกัด  (มหาชน)  จำนวน  500,000  บาท  ระบุชื่อนายหนูเป็นผู้รับเงิน  พร้อมทั้งขีดฆ่าคำว่า  หรือผู้ถือ  ในเช็คออก  แล้วส่งมอบให้แก่นายหนูเพื่อชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขาย  ต่อมานายหนูได้สลักหลังเฉพาะส่งมอบเช็คนั้นชำระหนี้ค่านายหน้าค้าที่ดินให้แก่นายไก่  หลังจากนั้นนายลิงน้องชายของนายไก่ได้ลักเช็คฉบับดังกล่าวไป  แล้วทำการปลอมลายมือชื่อของนายไก่สลักหลังลอยลงในเช็คแล้วนำไปส่งมอบให้แก่นายแมว  เพื่อชำระหนี้ค่าเช่าอาคารพาณิชย์  หลังจากได้รับมอบเช็คมาแล้วนายแมวได้พบกับนายไก่โดยบังเอิญจึงได้สอบถามนายไก่ว่า  ได้สลักหลังเช็คฉบับดังกล่าวมาหรือไม่  นายไก่ซึ่งทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดอยู่แล้ว  แต่เกรงว่านายลิงจะถูกดำเนินคดี  จึงได้บอกแก่นายแมวว่าตนนั้นเป็นผู้ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คจริง  ต่อมานายแมวนำเช็คฯ  ไปยื่นให้ธนาคารหัวหมากฯ  ชำระเงินให้  แต่ธนาคารหัวหมากฯ  ได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน  นายแมวจึงเรียกให้นายไก่รับผิดชำระเงินตามเช็คให้  แต่นายไก่ปฏิเสธที่จะชำระเงินให้แก่นายแมว  โดยอ้างว่าตนมิได้เป็นผู้ลงมือชื่อสลักหลังเช็คฯแต่อย่างใด  ดังนี้ข้ออ้างของนายไก่ถูกต้องหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

ก  อธิบาย

ในกรณีที่มีการลงลายมือชื่อปลอมในตั๋วเงิน ตาม  ป.พ.พ.  มาตรา  1006  ได้บัญญัติให้ตั๋วเงินนั้นยังคงสมบูรณ์ใช้บังคับได้  ลายมือชื่อปลอมนั้นโดยหลักการแล้ว  ไม่มีผลกระทบไปถึงความสมบูรณ์ของลายมือชื่ออื่นๆในตั๋วเงินนั้น  ขณะเดียวกัน  ป.พ.พ.  มาตรา  1008  ได้บัญญัติให้ลายมือชื่อปลอมนั้นเป็นอันใช้ไม่ได้เลย  ผู้ใดจะแสวงสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้มิได้  เว้นแต่จะต้องด้วยข้อยกเว้นดังต่อไปนี้  คือ

 1        ผู้ใดจะยึดหน่วงตั๋วเงินนั้นไว้มิได้  เว้นแต่ผู้ที่จะพึงถูกยึดหน่วง  อยู่ในฐานะเป็นผู้ต้องตัดบท  (ถูกกฎหมายปิดปาก)  มิให้ยกเหตุลายมือชื่อปลอมขึ้นเป็นข้อต่อสู้

2       ผู้ใดจะทำให้ตั๋วเงินนั้นหลุดพ้นจากความรับผิดด้วยการใช้เงินมิได้  เว้นแต่  ได้ใช้เงินไปในกรณีที่ตั๋วเงินนั้นมีลายมือชื่อผู้สลักหลังเป็นลายมือชื่อปลอม

 3       ผู้ใดจะบังคับการใช้เงินเอาแก่คู่สัญญาแห่งตั๋วเงินนั้นคนใดคนหนึ่งมิได้  เว้นแต่คู่สัญญาผู้ที่จะพึงถูกบังคับให้ใช้เงินนั้นจะอยู่ในฐานเป็นผู้ต้องตัดบท  (ถูกกฎหมายปิดปาก)  มิให้ยกลายมือชื่อปลอมขึ้นเป็นข้อต่อสู้

อนึ่งลายมือชื่อปลอมนั้น  กฎหมายไม่อนุญาตให้เจ้าของลายมือชื่อที่ถูกปลอม  ให้สัตยาบันแก่ลายมือชื่อปลอมนั้น  กรณีย่อมเป็นผลให้เป็นตั๋วเงินที่มีลายมือชื่อปลอมตลอดไป

ข  อธิบาย

มาตรา  1008  วรรคแรก  ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติทั้งหลายในประมวลกฎหมายนี้  เมื่อใดลายมือชื่อในตั๋วเงินเป็นลายมือปลอมก็ดี  เป็นลายมือชื่อลงไว้โดยที่บุคคลซึ่งอ้างเอาเป็นเจ้าของลายมือชื่อนั้นมิได้มอบอำนาจให้ลงก็ดี  ท่านว่าลายมือชื่อปลอมหรือลงปราศจากอำนาจเช่นนั้นเป็นอันใช้ไม่ได้  ใครจะอ้างอิงอาศัยแสวงสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อยึดหน่วงตั๋วเงินไว้ก็ดี เพื่อทำให้ตั๋วนั้นหลุดพ้นก็ดี  หรือเพื่อบังคับการใช้เงินเอาแก่คู่สัญญาแห่งตั๋วนั้นคนใดคนหนึ่งก็ดี  ท่านว่าไม่อาจจะทำได้เป็นอันขาด  เว้นแต่คู่สัญญาฝ่ายซึ่งจะพึงถูกยึดหน่วงหรือถูกบังคับใช้เงินนั้นจะอยู่ในฐานเป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอม  หรือข้อลงลายมือชื่อปราศจากอำนาจนั้นขึ้นเป็นข้อต่อสู้

วินิจฉัย

ตามข้อเท็จจริงนั้นเป็นกรณีที่มีลายมือชื่อปลอม  คือ  ลายมือชื่อของนายไก่  ปรากฏอยู่เช็ค  ซึ่งโดยหลักจะมีผลคือห้ามมิให้ผู้ใดแสวงหาสิทธิต่างๆจากลายมือชื่อปลอมของนายไก่นั้นได้  แต่การที่นายไก่ได้ยอมรับว่า  ตนเป็นผู้สลักหลังเช็ค  ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วนายลิงเป็นผู้ปลอมลายมือชื่อของนายไก่นั้น  ถือได้ว่านายไก่อยู่ในฐานเป็นผู้ต้องตัดบท  มิให้ยกลายมือชื่อปลอมขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับนายแมวได้ตามมาตรา  1008  วรรคแรก  นายไก่จึงต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คให้แก่นายแมว  ดังนั้น  ข้ออ้างของนายไก่จึงไม่ถูกต้อง

สรุป  ข้ออ้างของนายไก่ไม่ถูกต้อง

Advertisement