การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2561
ข้อสอบกระบวนวิชา POL 3302 การวางแผนในภาครัฐ
คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว
1 ข้อใดมิใช่ภารกิจที่สําคัญในการประเมินโครงการ
(1) การวิเคราะห์ความอยู่รอดของโครงการ
(2) การวิเคราะห์ความคุ้มทุนของโครงการ
(3) การคาดคะเนสิ่งแวดล้อมในอนาคตของโครงการ
(4) การทําความเข้าใจกับตัวโครงการให้ถ่องแท้
(5) การวิเคราะห์หาความเชื่อมั่นว่าโครงการเหมาะสมที่สุดหรือยัง
ตอบ 1 หน้า 39 – 40, (คําบรรยาย) การวิเคราะห์และประเมินโครงการ มีความหมายเป็น 2 ลักษณะ คือ
1 เป็นการศึกษาถึงโอกาสความสําเร็จในการดําเนินโครงการ โดยการวิเคราะห์และประเมินหาความเชื่อมั่นว่าตัวโครงการที่ร่างเสร็จแล้วนั้นมีความสมบูรณ์เหมาะสมที่จะนําไปปฏิบัติ ได้จริงหรือไม่ เช่น การวิเคราะห์หรือการคาดคะเนสิ่งแวดล้อมในอนาคตของโครงการการวิเคราะห์ความคุ้มทุนของโครงการ เป็นต้น
2 เป็นการศึกษาทําความเข้าใจกับตัวโครงการให้ถ่องแท้ โดยการวิเคราะห์จําแนกแยกแยะเปรียบเทียบข้อดีข้อด้อยและผลที่คาดว่าจะได้รับ หากมีการนําโครงการไปดําเนินการหรือ นําไปปฏิบัติจริง พร้อมกับศึกษาว่าผลที่คาดว่าจะได้รับหรือผลที่จะเกิดขึ้นนั้นเหมาะสมมีคุณค่า มีประโยชน์ สมควรแก่การลงทุนดําเนินโครงการต่อไปหรือไม่
2 สถาบันที่มีหน้าที่ริเริ่มกําหนดนโยบายและมีอํานาจอิทธิพลต่อนโยบายมาก คือ
(1) สถาบันทหาร
(2) สถาบันศาล
(3) สถาบันทางรัฐสภา
(4) สถาบันการปกครอง
(5) สถาบันการปกครองท้องถิ่น
ตอบ 4 หน้า 6, (คําบรรยาย) ตัวแบบหรือทฤษฎีสถาบัน (Institution Mode/Theory) เชื่อว่านโยบายสาธารณะนั้นเป็นผลผลิตของโครงสร้างสถาบันการปกครอง กล่าวคือ นโยบายใด ๆ เก็ตามจะได้ชื่อว่าเป็นนโยบายสาธารณะ ก็ต่อเมื่อได้รับการรับรองโดยสถาบันแล้วเท่านั้น ซึ่งนโยบายก็มักจะเป็นไปตามที่สถาบันการปกครองกําหนดเองหรือให้ประโยชน์กับสถาบัน การปกครอง ตัวอย่างสถาบันการปกครอง ได้แก่ สถาบันนิติบัญญัติ สถาบันรัฐสภา สถาบันบริหาร (เช่น นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี) สถาบันราชการ สถาบันตุลาการ (เช่น ศาล) และสถาบันการปกครองท้องถิ่น เป็นต้น
3 การส่งมอบงานตึก 12 ชั้น คณะรัฐศาสตร์
(1) Policy Formulation
(2) Policy Analysis
(3) Policy Evaluation
(4) Policy Implementation
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 4 หน้า 17, (คําบรรยาย การนํานโยบายไปปฏิบัติ (Policy Implementation) เป็นขั้นตอนของการแปลงวัตถุประสงค์ที่กําหนดไว้ในนโยบาย ซึ่งอาจเป็นกฎหมาย คําสั่ง หรือมติของคณะรัฐมนตรี ให้เป็นแผนงาน โครงการ และกิจกรรมที่เป็นรูปธรรม โดยจะต้องมีการจัดหา/การตระเตรียม วิธีการ ตลอดจนทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อดําเนินการให้สําเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ที่กําหนดไว้
4 คํากล่าวที่ว่า “การวางแผน คือ Set of Temporalty Linked Actions” เป็นของใคร
(1) José Villamil
(2) ดร.อมร รักษาสัตย์
(3) Albert Waterston
(4) William Dunn
(5) Gulick and Urwick
ตอบ 1 หน้า 25 Jose Villamil กล่าวว่า “การวางแผนเป็นการกระทําที่เป็นกระบวนการ (Set of Temporally Linkec Actions) ที่นําไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ (Desired end State) โดยการตัดสินใจแต่ละครั้งนั้นมุ่งให้เกิดการรวมชาติหรือการเปลี่ยนแปลง โดยมีการผิดพลาดน้อยที่สุด”
5 ข้อใดเป็นคํากล่าวที่ถูกต้องในเรื่องประเภทของแผน
(1) แผนระยะยาว 5 ปีขึ้นไป
(2) แผนระยะสั้น 3 ปี
(3) แผนระยะปานกลาง 6 ปี
(4) แผนระยะสั้น 4 ปี
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 1 หน้า 23, (คําบรรยาย) การจําแนกประเภทของแผนหรือแผนงาน (Plan) โดยใช้เกณฑ์ระยะเวลา (Time Span) อาจจําแนกได้ดังนี้
1 แผนระยะสั้น เป็นแผนที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 1 – 2 ปี ซึ่งสามารถวางแผนได้ง่าย เนื่องจากข้อมูลมีลักษณะกว้าง ๆ ง่าย ๆ
2 แผนระยะปานกลาง เป็นแผนที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 2 – 5 ปี ซึ่งนิยมใช้เป็นแผนพัฒนาประเทศ
3 แผนระยะยาว เป็นแผนที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป
6 TP. หมายถึง
(1) เวลาที่ผ่านไป
(2) Target Planning
(3) Team Planning
(4) การทํางานเป็นทีม
(5) ทฤษฎีการวางแผน
ตอบ 3 หน้า 33 – 34, (คําบรรยาย) การวางแผนแบบทีมวางแผน (Team Planning : TP.) คือ การวางแผนเป็นทีมที่เน้นหลักการมีส่วนร่วมและการระดมสมอง (Brain Storm) มากที่สุด ซึ่งมี 6 ขั้นตอน ดังนี้
1 ร่วมกันกําหนดเป้าหมาย (Targets) ของหน่วยงานให้ชัดเจนตรงกัน
2 ร่วมกันมองไปในอนาคต (Vision/Scenario)
3 ร่วมกันหาสิ่งที่เป็นอุปสรรคขัดขวางหรือข้อจํากัด (Obstructions) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
4 ร่วมกันกําหนดทางเดินหรือแผนกลยุทธ์ (Strategies) ที่จะต้องไปสู่เป้าหมายให้ได้
5 ร่วมกันกําหนดกลวิธี (Tactics) หรือโครงการให้สอดคล้องกับแผนที่วางไว้ 6 ร่วมกันจัดทําแผนปฏิบัติ (Action Plan) ของโครงการ ซึ่งเน้นให้เกิดผลภายใน 90 วัน หรือที่เรียกว่า 90 Day Implementation Plan
7 การศึกษาแนววิเคราะห์นโยบาย ได้มีจุดเริ่มต้นที่ใด
(1) เมื่อ Max Weber ได้ศึกษาระบบราชการ
(2) ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
(3) เมื่อ Mayo ได้ทดลองค้นคว้าที่เรียกว่า Hawthorne Study
(4) เมื่อมีกลุ่มนักทฤษฎีสมัยใหม่
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 2 หน้า 6 – 7 การศึกษาแนววิเคราะห์นโยบาย ถือเป็นแนวทางที่นักรัฐประศาสนศาสตร์นิยมใช้กันมาก โดยเป็นการศึกษาที่เน้นการวิเคราะห์โดยทั่วไป (ในภาพรวม) มิใช่เป็นการศึกษารายกรณี และมีเทคนิควิธีการศึกษาที่ใช้หลักสหวิทยาการหรือหลักการของ วิชาการหลายสาขามาศึกษาวิเคราะห์ ซึ่งการศึกษาตามแนวนี้ได้มีจุดเริ่มต้นระหว่าง สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ริเริ่ม
8 ข้อมูลที่ต้องระมัดระวังในการอ้างอิงให้มาก คือ
(1) ข้อมูลที่ยังไม่ได้กรอง
(2) ข้อมูลที่เป็นความจริง (Facts)
(3) ข้อมูลที่เป็นความเชื่อ (Value)
(4) ข้อมูลทุกประเภท
(5) ข้อมูลที่เกี่ยวกับโครงการของดิน
ตอบ 3 หน้า 11 ข้อมูลในการวางนโยบายหรือแผน อาจจําแนกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
1 ข้อมูลที่เป็นความจริง (Facts) เป็นข้อมูลที่มีลักษณะคงที่ ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ลักษณะของดินฟ้าอากาศ และภูมิศาสตร์
2 ข้อมูลที่เป็นความเชื่อหรือค่านิยม (Values) เป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับความยึดมั่น ความเชื่อถือของประชาชน ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังในการอ้างอิงให้มาก
9 นักวิชาการที่กล่าวว่า การวิเคราะห์นโยบายมีจุดสําคัญอยู่ที่การวิเคราะห์ผลกระทบของนโยบายเป็นสําคัญ คือ
(1) Harry Harty
(2) Walter SE TRATE
(3) Thomas R. Dye
(4) William Dunne med
(5) Theodore Poister
ตอบ 5 หน้า 16 Theodora Poister กล่าวว่า “การวิเคราะห์นโยบายมีจุดสําคัญอยู่ที่การวิเคราะห์ผลกระทบของนโยบายเป็นสําคัญ ดังนั้นจําเป็นต้องมีการศึกษาอย่างจริงจังถึงความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาของนโยบายกับผลกระทบทั้งปวงที่จะเกิดขึ้น”
10 แบบอะไรที่ถูกต้องในการวัดประสิทธิผล (Effectiveness Evaluation) ของนโยบายหรือแผน
(1) แผนการรายงาน
(2) แผนตรวจงาน
(3) แผนประเมินผลงาน
(4) แบบวิธีทดลอง
(5) แบบการวัดประสิทธิภาพ
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การประเมินผลโดยการวัดประสิทธิผล(Effectiveness Evaluation) ของนโยบาย คือ การประเมินผลโดยการพิจารณาว่าผลลัพธ์ที่ได้จากการดําเนินการตามนโยบายนั้นตรงกับ เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่วางไว้หรือไม่ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ
1 แบบธรรมดาหรือแบบที่ไม่ใช่วิธีการทดลอง
2 แบบวิธีกึ่งทดลอง
3 แบบวิธีทดลอง
11 นโยบายตามตัวแบบสถาบันจะให้ประโยชน์กับใครมากที่สุด
(1) ให้ประโยชน์กับสังคม
(2) ให้คํานึงถึงรัฐสภา
(3) ประโยชน์โดยทั่วไป
(4) ผู้นําและผู้ใกล้ชิด
(5) ถูกทุกข้อที่กล่าวมา
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 2 ประกอบ
12 ความเป็นธรรมของนโยบายสามารถวัดได้อย่างไร
(1) วัดจากความพึงพอใจของประชาชนโดยส่วนรวม
(2) วัดจากการกระจายรายได้ของนโยบายสู่ประชาชน
(3) วัดจากประโยชน์ที่มีต่อประชาชนกลุ่มต่าง ๆ อย่างเท่าเทียมกัน
(4) วัดจากประสิทธิภาพและประสิทธิผลของนโยบาย
(5) วัดจากการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมในกระบวนการของนโยบายให้มากที่สุด
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การพิจารณาด้านความเป็นธรรมของนโยบาย แผน หรือโครงการนั้น อาจพิจารณาหรือวัดได้จากประโยชน์ของนโยบาย แผน หรือโครงการว่าประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ได้รับประโยชน์ จากนโยบาย แผน หรือโครงการอย่างเท่าเทียมกันหรือไม่ เพราะนโยบาย แผน หรือโครงการ ที่ดีนั้นจะต้องคํานึงถึงประโยชน์ของสาธารณชนส่วนใหญ่เป็นหลัก
13 เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป นโยบายของรัฐจะเป็นอย่างไร
(1) มีขนาดเล็กลง
(2) คงที่เหมือนเดิม
(3) มีขนาดใหญ่โตตามกาลเวลา
(4) มีขนาดใหญ่โตล้ําหน้าเวลา
(5) มีขนาดจะเล็กลงหรือจะโตขึ้นเป็นไปตามจํานวนประชากร
ตอบ 3 หน้า 17 – 18 Randall Ripley และ Grace Franklin กล่าวว่า ในการนํานโยบายไปปฏิบัตินั้นมีประเด็นต่าง ๆ ที่ผู้นํานโยบายไปปฏิบัติต้องทําความเข้าใจอยู่ 5 ประการ ได้แก่
1 มีผู้เกี่ยวข้องจํานวนมากมาย
2 มีความต้องการหลากหลายต่อนโยบาย
3 ธรรมชาติของนโยบายมักจะมีขนาดที่ใหญ่โตขึ้นตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไป
4 ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในหลายระดับ หลายสังกัด และหลายหน่วยเสมอ
5 มีปัจจัยมากมายที่นโยบายไม่สามารถควบคุมได้
14 ในเรื่องเกี่ยวกับรูปร่างและรูปแบบของนโยบาย ข้อความในข้อใดกล่าวผิด
(1) มีรูปเป็นกฎหมาย กฎ ระเบียบ
(2) มีรูปเป็นแบบแผน โครงการ
(3) มีรูปเป็นประกาศ แจ้งความ
(4) เป็นคําบอกกล่าวที่เสนอผู้บังคับบัญชาตามลําดับขั้นไป
(5) มีรูปแบบเป็นสัญญา
ตอบ 4 หน้า 2 นโยบายมีรูปร่างและรูปแบบหลายลักษณะตามการใช้ประโยชน์ของนโยบาย ดังนี้
1 มีรูปเป็นกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ คําสั่ง
2 มีรูปเป็นแผนงาน โครงการ
3 มีรูปเป็นประกาศ แจ้งความ เพื่อแจ้งข่าวสารหรือเชิญชวน ซึ่งมีลักษณะบังคับน้อยที่สุด
4 มีรูปเป็นสัญญา
5 มีรูปเป็นอื่น ๆ หรืออาจไม่มีรูปร่างให้เห็นชัดเจน เช่น คําแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี และมติคณะรัฐมนตรี เป็นต้น
15 ในแนวคิดการศึกษานโยบายศาสตร์ในแนววิเคราะห์นโยบายนิยมใช้ในนักวิชาการกลุ่มใด
(1) นักรัฐศาสตร์
(2) นักสังคมวิทยา
(3) นักรัฐประศาสนศาสตร์
(4) นักวิทยาศาสตร์
(5) นักเศรษฐศาสตร์
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 7 ประกอบ
16 ข้อใดเป็นความจริงเกี่ยวกับแผนระยะยาว
(1) มีระยะเวลามากกว่า 3 ปีขึ้นไป
(2) วางแผนได้ง่ายเนื่องจากข้อมูลมีลักษณะกว้าง ๆ ง่าย ๆ
(3) มีระยะเวลาไม่จํากัด
(4) ความเชื่อมั่นจะแปรผันกับระยะเวลาของแผน
(5) ใช้แก้ปัญหาได้เพียงผิวเผิน
ตอบ 4 หน้า 23, (คําบรรยาย) แผนระยะยาว คือ แผนที่มีระยะเวลา 5 ปีขึ้นไป เป็นแผนที่มีความเชื่อมั่นได้น้อยและจะแปรผันกับระยะเวลาของแผน กล่าวคือ ความเชื่อมั่นจะลดต่ำลง ตามระยะเวลาที่ยาวออกไป แต่จะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป (แผนนั้นเริ่มเห็นผล คือ สามารถ แก้ปัญหาได้ ความเชื่อมันที่มีต่อแผนก็จะเพิ่มมากขึ้น) และแผนระยะยาวนับว่าเป็นแผนที่แก้ปัญหาได้ลึกซึ้งที่สุด แต่เห็นผลช้า (ดูคําอธิบายข้อ 5 ประกอบ)
17 Controlled Environment หมายถึง
(1) ภาวะทางธรรมชาติ
(2) ค่านิยมของคนในภาคใต้ของประเทศไทย
(3) เทคโนโลยีที่ใช้ในนโยบาย
(4) ความเชื่อของคนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3 หน้า 12 สิ่งแวดล้อมของนโยบาย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1 สิ่งแวดล้อมที่ควบคุมได้ (Controlled Environment) เป็นสิ่งแวดล้อมที่สามารถควบคุมหรือกําหนดได้อย่างแน่นอน เช่น จํานวนคนที่จะเข้ามาบริหารนโยบาย เทคโนโลยีที่ใช้ ในนโยบาย ลักษณะทางภูมิศาสตร์ เป็นต้น
2 สิ่งแวดล้อมที่ควบคุมไม่ได้ (Uncontrolled Environment) เป็นสิ่งแวดล้อมที่ไม่สามารถควบคุมหรือกําหนดได้อย่างชัดเจน เช่น ความเชื่อ/ค่านิยมของคนในสังคม ภาวะทางธรรมชาติภาวะโลกร้อน แผ่นดินไหว เป็นต้น
18 แผนงบประมาณของไทยซึ่งเป็นแผนประจําทุกปีนั้น จัดเป็นแผนประเภทใด (1) แผนรายปี
(2) แผนงบประมาณ
(3) แผนการเงิน
(4) แผนโครงการ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 (คําบรรยาย) สําหรับแผนงบประมาณของไทยซึ่งเป็นแผนประจําทุกปีนั้น อาจเรียกได้ว่าเป็นแผนประเภทแผนรายปี แผนงบประมาณ แผนการเงิน แผนระยะสั้น หรือแผนโครงการทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้ในการจําแนก
19 ใครกล่าวว่านโยบายคือ “สิ่งใดก็ตามที่รัฐบาลเลือกที่จะกระทําหรือไม่กระทํา”
(1) Thomas R. Dye
(2) David Easton
(3) Woodrow Wilson
(4) William Dunn
(5) ดร.อมร รักษาสัตย์
ตอบ 1 หน้า 1 Thomas R. Dye กล่าวว่า “นโยบายสาธารณะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวหรือกิจกรรมหรือสิ่งใดก็ตามที่รัฐบาลเลือกที่จะกระทําหรือไม่กระทํา และเกี่ยวข้องกับเหตุผลว่าทําไมจึงเลือกเช่นนั้น”
20 ข้อใดเป็นลักษณะเด่นของนโยบายสาธารณะในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ที่แตกต่างจากแผนอื่น
(1) เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยแยกจากกันให้ชัดเจน
(2) เน้นการกระจายรายได้และการถือครองทรัพย์สิน
(3) เน้นการพัฒนาจิตใจ วัฒนธรรม และสังคม
(4) เน้นการพัฒนาการบริหารและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
(5) เป็นการพัฒนาคนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาและเศรษฐกิจพอเพียง
ตอบ 5 (คําบรรยาย) แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2564) เป็นการวางแผนที่ยังคงน้อมนําและประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ยึดคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา อย่างมีส่วนร่วม การพัฒนาที่ยึดหลักสมดุล ยั่งยืน โดยให้ความสําคัญกับการกําหนดทิศทาง การพัฒนาที่มุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และสังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
21 หน่วยงานใดมีหน้าที่กําหนดนโยบายสาธารณะและวางแผนพัฒนาประเทศไทยในปัจจุบัน
(1) กรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท
(2) กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรม
(3) สํานักงานเศรษฐกิจการคลัง
(4) สํานักงาน ก.พ.
(5) สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ตอบ 5 (คําบรรยาย) สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่กําหนดนโยบายสาธารณะและวางแผนแม่บทในการพัฒนาประเทศของไทย หรือที่เรียกว่า “แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ”
22 นักวิชาการที่กล่าวว่า การวางแผนจะมีลักษณะร่วมกันหลายประการ เช่น ต้องมองล่วงหน้า มีการเลือกสรรต้องเตรียมวิธีการกระทําฯ คือใคร
(1) เนรู
(2) วิลลามิล
(3) วอเตอร์สตัน
(4) ดรอ
(5) เลอ เบรอตัน
ตอบ 3 หน้า 25 Albert Waterston กล่าวว่า “การวางแผนทุกชนิดจะต้องมีลักษณะร่วมกัน หลายประการ เช่น ต้องประกอบด้วยการมองล่วงหน้า (Looking Ahead) ต้องมีทางเลือก (Making Choices) และหากเป็นไปได้ต้องจัดเตรียมวิธีการกระทํา (Actions) ที่แน่นอน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์หรืออย่างน้อยที่สุดต้องกําหนดข้อจํากัด (Setting Limits) ที่อาจจะเกิดจากการกระทําดังกล่าวไว้ด้วย”
23 การวางแผนแบบใดที่เป็นวิธีที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน
(1) ทุกแบบของการวางแผน
(2) Integrated Public Investment Planning
(3) Comprehensive Planning
(4) Project-by-Project Planning
(5) ข้อ 3 และ 4 ถูก
ตอบ 3 หน้า 29, (คําบรรยาย) การวางแผนแบบสมบูรณ์แบบหรือประสมประสานหรือแผนรวม (Comprehensive Planning) เป็นการวางแผนที่กล่าวถึงเป้าหมายที่ต้องการก่อนเป็นอันดับแรก โดยเริ่มจากการสร้างเเบบจําลองการเจริญเติบโต (Growth Model) ของแผนก่อน ซึ่งเป็น การคํานวณอัตราการเจริญเติบโตที่คาดหวังไว้ในรูปของการบริโภค เงินออม การลงทุน การนําเข้า-ส่งออก การจ้างงาน ความต้องการ (Demand) และความสามารถในการตอบสนอง (Supply) ของภาครัฐและภาคเอกชนรวมกัน โดยการวางแผนในรูปแบบนี้จะมีการวางแผน ทั้งแบบ Forward และ Backward และมีการกล่าวถึงบทบาทของภาคเอกชนไว้อย่างครบถ้วน จึงนับว่าเป็นวิธีที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน และเหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ที่หน่วยงานวางแผน มีความชํานาญแล้ว อย่างไรก็ตาม การวางแผนแบบนี้ยังไม่มีประเทศใดสามารถทําได้อย่าง สมบูรณ์แบบ ประเทศที่ใช้การวางแผนแบบนี้ได้ดีที่สุดก็มีเพียงประเทศกลุ่มสังคมนิยม (ซึ่งมีลักษณะการคุมอํานาจจากส่วนกลางมากที่สุด)
24 ปัญหาชนิดใดที่ต้องใช้ทักษะในการมองการณ์ไกลเป็นพิเศษ จึงจะวางแผนได้
(1) ปัญหาแก้ไข
(2) ปัญหาพัฒนา
(3) ปัญหาป้องกัน
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 2 หน้า 25, (คําบรรยาย) ปัญหาของแผน อาจจําแนกได้ 3 ประเภท ดังนี้
1 ปัญหาแก้ไข คือ ปัญหาที่ปรากฏผลเสียหายให้เห็นอยู่แล้ว จึงต้องรีบวางแผนหาทางแก้ไข ซึ่งปัญหาชนิดนี้มักจะแก้ไขได้ง่ายที่สุด
2 ปัญหาป้องกัน คือ ปัญหาที่ยังไม่ปรากฏผลเสียหายขึ้น ในขณะวางแผน แต่สามารถรู้ได้ว่าหากไม่รีบวางแผนแก้ไขก็จะปรากฏผลเสียหายในอนาคตได้
3 ปัญหาพัฒนา คือ ปัญหาที่ไม่ปรากฏผลเสียหายทั้งในปัจจุบันและอนาคต แต่ต้องมีการวางแผน เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้มีคุณภาพดีขึ้น ซึ่งนักวางแผนต้องใช้ความสามารถในการมองการณ์ไกลมากเป็นพิเศษ
25 แผนที่มีลักษณะ Ease of Control จะแสดงให้เห็นได้อย่างไร
(1) เห็นได้จากการผ่านขั้นตอนของแผนอย่างครบถ้วนไม่ข้ามขั้นตอน
(2) เห็นได้จากการกําหนดที่มีเหตุผลและเป็นจริงในทางปฏิบัติ
(3) เห็นได้จากการมีมาตรฐานสําหรับการปฏิบัติอย่างชัดเจน
(4) เห็นได้จากการจัดทีมผู้วางแผนอย่างมีประสิทธิภาพ
(5) เห็นได้จากการจัดทีมผู้ปฏิบัติตามแผนอย่างมีประสิทธิภาพ
ตอบ 3 หน้า 23, (คําบรรยาย) แผนที่มีลักษณะง่ายในการควบคุม (Ease of Control) หมายถึง แผนที่มีมาตรฐานสําหรับการวัดและการปฏิบัติอย่างชัดเจน และโดยทั่วไปหากเป็นแผนที่มีลักษณะง่ายในการดําเนินการ (Ease of Implementation) ก็จะมีลักษณะง่ายในการควบคุมด้วย
26 กล่าวโดยสรุปขั้นตอนในการวางแผนอาจจําแนกได้ 3 ขั้นตอนสําคัญ ได้แก่ การเก็บรวบรวมประมวลข้อมูลการลงมือวางแผน และอะไร
(1) การวิเคราะห์ข้อมูล
(2) การปฏิบัติตามแผน
(3) การประเมินผลแผน
(4) การขออนุมัติใช้แผน
(5) การตระเตรียมที่จะวางแผน
ตอบ 5 หน้า 29 – 30 อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่าขั้นตอนที่สําคัญในการวางแผนนั้น มี 3 ขั้นตอน คือ
1 การตระเตรียมการที่จะวางแผน เป็นการกําหนดเค้าโครงกลยุทธ์ของแผน โดยการกําหนดวัตถุประสงค์และแนวทางของแผน
2 การศึกษาวิเคราะห์สถานการณ์ เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ความถูกต้องของงานในขั้นตระเตรียมการ
3 การลงมือวางแผน เป็นการเขียนแผนให้ถูกต้องตามรูปแบบที่ควรจะเป็นของแผน
27 ข้อมูลที่นับว่ามีอิทธิพลหรือเป็นกลไกสําคัญในการวางแผน ได้แก่ ข้อมูลทางการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษาอิทธิพลของธรรมชาติ และอะไร
(1) กลุ่มผลประโยชน์ .
(2) พรรคการเมือง
(3) ศาสนาและความเชื่อ
(4) กลไกราคา
(5) ความร่วมมือระหว่างองค์การที่เกี่ยวข้อง
ตอบ 3 (คําบรรยาย) ข้อมูลที่นับว่ามีอิทธิพลหรือเป็นกลไกสําคัญในการวางแผน ได้แก่ ข้อมูลทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา อิทธิพลของธรรมชาติ ศาสนาและความเชื่อ เป็นต้น
28 การวางแผนอาจทําได้ 3 วิธี วิธีที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ที่หน่วยวางแผนเริ่มมีการสะสมข้อมูล ได้พอประมาณ คือวิธีใด
(1) Project-by-Project Planning
(2) Integrated Public Investment Planning
(3) Comprehensive Planning
(4) Aggregative Planning
(5) Global Planning
ตอบ 2 หน้า 28, (คําบรรยาย) การวางแผนแบบประสานการลงทุนภาคสาธารณะ (Integrated Public Investment Planning) เป็นการวางแผนที่เริ่มต้นด้วยการประมาณการรายได้หรือรายรับของ ประเทศก่อน โดยคํานึงถึงการลงทุนของภาครัฐเป็นหลักว่าการลงทุนไปนั้นจะมีรายรับเท่าไรแล้ว จึงไปกําหนดรายจ่ายทีหลัง โดยที่การลงทุนนั้นจะต้องคํานึงถึงภาวะเศรษฐกิจทั้งปัจจัยภายใน และภายนอกประเทศด้วย ซึ่งการวางแผนในรูปแบบนี้มีจุดประสงค์เพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง (ความไม่พอดี) ของการวางแผนแบบรายโครงการ (Program-by-Program or Project-by-Project Planning) เช่น การกําหนดงบประมาณของแต่ละโครงการที่มักกําหนดสูงเกินกว่า ความเป็นจริง ความขัดแย้งกันของโครงการทั้งหลายโดยเฉพาะในเรื่องของความไม่ลงตัวของ วงเงินงบประมาณ รวมถึงความไม่มีเอกภาพและการขาดทิศทางที่ชัดเจนในการกําหนดเป้าหมาย ของแผน ซึ่งเป็นการวางแผนที่เหมาะสมในสถานการณ์ที่หน่วยงานเริ่มมีการสะสมข้อมูลได้พอประมาณแล้ว 29 การวางแผนแบบรายโครงการถือเป็นการวางแผนในกระสวน (Pattern) ชนิดใด
(1) Bottom-up Process
(2) Top-down Process
(3) Comprehensive Planning
(4) Aggregative Planning
(5) Global Planning
ตอบ 1 หน้า 28, (คําบรรยาย) การวางแผนแบบรายโครงการ (Program-by-Program or Project-by Project Planning) เป็นเทคนิควิธีการวางแผนพัฒนารูปแบบแรก โดยเป็นการวางแผนในกระสวน ที่เรียกว่า “Bottom-up Process” กล่าวคือ รัฐบาลจะเป็นผู้กําหนดให้หน่วยปฏิบัติการใน ระดับล่างร่างโครงการของตนเสนอขึ้นมา โดยที่ไม่ได้มีการกําหนดรายรับรายจ่ายก่อนว่าเป็นเท่าไร แต่จะมากําหนดหลังจากหน่วยงานย่อยต่าง ๆ เสนอโครงการขึ้นมาแล้ว เพื่อรวบรวมโครงการ เหล่านั้นรวมเป็นแผนเดียวกัน (แผนรวมของชาติ) ซึ่งวิธีการวางแผนในรูปแบบนี้จะไม่กล่าวถึง บทบาทของภาคเอกชนไว้เลย และใช้หลักการมีส่วนร่วมน้อยที่สุด แต่จะเหมาะสําหรับการวางแผน ในภาวะขาดแคลนข้อมูลหรือขาดความชํานาญในการวางแผน เช่น การวางแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 1 เพราะหน่วยงานวางแผนยังมีข้อมูลไม่เพียงพอและเป็นการวางแผนที่สะดวกที่สุด เป็นต้น
30 วิธีการวางแผนทั้งหลายอาจจําแนกเป็นขั้นตอนในการวางแผนได้ 2 ระยะ คือ การวางแผนกลยุทธ์กับอะไร
(1) การวางแผนรวม
(2) การวางแผนบริหาร
(3) การวางแผนดําเนินการ
(4) การวางแผนสังคม
(5) การวางแผนพัฒนา
ตอบ 3 หน้า 37, (คําบรรยาย) กระบวนการวางแผน/โครงการ อาจจําแนกได้เป็น 2 ระยะ คือ
1 การวางแผน/โครงการกลยุทธ์ (Strategic Planning) มีเป้าหมายที่สําคัญที่สุด คือ การกําหนดกรอบเค้าโครง ทิศทางและแนวทางสําคัญของแผน/โครงการอย่างกว้าง หรือคราว ๆ ซึ่งประกอบด้วยงานที่ต้องทําหลายอย่าง เช่น การคัดเลือกข้อมูล วัตถุประสงค์ ภารกิจ และแนวทางกลยุทธ์ รวมทั้งการคาดคะเนแนวโน้ม เพื่อนําไปสู่การวิเคราะห์หาทางเลือกหรือแนวทางที่เหมาะสมที่สุด (The Best Alternative)
2 การวางแผน/โครงการดําเนินการ (Operational Planning) เป็นการนําเอาทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดมากําหนดรายละเอียดในวิธีการปฏิบัติที่ผู้ปฏิบัติจําเป็นต้องรู้ให้ครบถ้วน
ตั้งแต่ข้อ 31 – 35 จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
หากสรุปว่ากระบวนการของแผนประกอบด้วยกระบวนการ ได้แก่
(1) กําหนดปัญหา
(2) ตั้งเป้าหมาย
(3) ศึกษาวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม
(4) ลงมือวางแผน
(5) ประเมินผล
- ขั้นตอนใดที่เราจะได้รับแผนที่สมบูรณ์
ตอบ ไม่มีข้อใดถูก (คําบรรยาย) อาจสรุปได้ว่ากระบวนการของแผน ประกอบด้วย 7 กระบวนการ ดังนี้
1 กําหนดปัญหา
2 การตั้งเป้าหมาย/วัตถุประสงค์
3 การศึกษาวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม
4 ลงมือวางแผน เป็นการลงมือเขียนแผนให้ถูกต้อง โดยหน้าที่ของผู้วางแผนจะสิ้นสุดที่กระบวนการนี้
5 การประเมินแผน เป็นกระบวนการ ที่เราจะได้รับแผนที่สมบูรณ์ โดยการศึกษาวิเคราะห์แผนว่ามีความสมบูรณ์ เหมาะสมที่จะนําไป ปฏิบัติได้จริงหรือไม่ จากนั้นจึงนําเสนอแผนให้ผู้มีอํานาจพิจารณาอนุมัติ เพื่อนําแผนไปปฏิบัติ
6 การนําแผนไปปฏิบัติ เป็นกระบวนการที่ทําให้เกิดผลงานที่ประชาชนใช้ประโยชน์ได้
7 การประเมินผล (Evaluation) เป็นกระบวนการที่ทําให้ทราบถึงผลสําเร็จและเก็บเป็นข้อมูลสะสม เพื่อการวางแผนในโอกาสต่อ ๆ ไป
32 หน้าที่ของผู้วางแผนจะสิ้นสุดที่กระบวนการใด
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 31 ประกอบ
33 กระบวนการใดต้องใช้ผู้ที่เชี่ยวชาญหลายสาขามากที่สุด
ตอบ 4 หน้า 27 งานวางแผนเป็นงานระดับกลุ่ม ดังนั้นการลงมือวางแผนจึงต้องประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ สาขามาร่วมกันสร้างแผน โดยมีนักวางแผนเป็นผู้ประสานให้การวางแผนไปสู่จุดหมายร่วมกันขององค์การได้
34 กระบวนการใดทําให้เกิดผลงานที่ประชาชนใช้ประโยชน์ได้
ตอบ ไม่มีข้อใดถูก ดูคําอธิบายข้อ 31 ประกอบ
35 กระบวนการใดทําให้ได้รับข้อมูลสะสมเพื่อการวางแผนในโอกาสต่อ ๆ ไป
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 31 ประกอบ
ตั้งแต่ข้อ 36 – 40 จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) Alternative
(2) Social Analysis
(3) Feasibility Study
(4) Financial Analysis
(5) Process
36 การวิเคราะห์ประเมินโครงการไม่ใช่ราชการ
ตอบ 4 หน้า 40 การวิเคราะห์และประเมินโครงการด้านการเงิน (Financial Analysis) เป็นแนวทางการประเมินโครงการทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน โดยใช้วิธีการวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายกับผลประโยชน์ที่ได้รับ (Cost-Benefit) เพื่อดูว่าโครงการที่จัดทําขึ้นมานั้นมีลักษณะคุ้มทุนหรือไม่
37 สอดคล้องเหมาะสมกับขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม
ตอบ 2 หน้า 41, (คําบรรยาย) การวิเคราะห์และประเมินโครงการด้านสังคม (Social Analysis)จะพิจารณาในประเด็นดังต่อไปนี้
1 ความเหมาะสมสอดคล้องต้องกันระหว่างแนวทางของโครงการกับปัจจัยทางสังคม เช่น ศาสนา การศึกษา ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ ค่านิยม – กฎหมาย การเมืองและการปกครอง เป็นต้น
2 โอกาสที่สังคมจะยอมรับ/สนับสนุน หรือต่อต้าน/คัดค้านโครงการ
38 ประเมินดู Cost-Benefit
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 36 ประกอบ
39 กระบวนการต่าง ๆ ทางวิชาการ
ตอบ 5 (คําบรรยาย) กระบวนการ (Process) หมายถึง ขั้นตอนวิธีปฏิบัติ หรือกิจกรรมการดําเนินงานที่กระทําอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขั้นตอนสุดท้าย
40 ทางเลือกในการวางแผน โครงการ
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ทางเลือก (Alternative) หมายถึง มาตรการหรือแนวทางการดําเนินงานที่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่กําหนดไว้ ซึ่งอาจมีหลายทางเลือกในการบรรลุวัตถุประสงค์หนึ่ง ๆ
ตั้งแต่ข้อ 41 – 45 จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) Integration
(2) Dynamic
(3) Subjectivity
(4) Artificiatity
(5) ปัญหามีตัวตนและมีโครงสร้างชัดเจน
41 เป็นปัญหาที่ไม่มีรูปร่างหรือลักษณะใด ๆ อย่างแน่ชัดว่าคือปัญหา ทั้ง ๆ ที่ความจริงมีปัญหาแล้ว
ตอบ 4 หน้า 9 ปัญหาที่มีลักษณะไม่มีตัวตนที่แท้จริง (Artificiality) หมายถึง ปัญหาเป็นสิ่งที่ไม่มีรูปร่างหรือลักษณะใด ๆ อย่างแน่ชัดว่าคือปัญหา ทั้ง ๆ ที่ความจริงมีปัญหาแล้ว ซึ่งปัญหานั้นอาจเป็นที่ยอมรับหรือตระหนักได้ของคนบางกลุ่มบางหมู่ในขณะที่บางกลุ่มอาจไม่ยอมรับก็ได้
42 ทางราชการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่ตามรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 ไม่มีที่ทําการต้องเช่าอาคารเอกชนเป็นที่ทําการชั่วคราว
ตอบ 5 หน้า 10 ปัญหาที่มีตัวตนและมีโครงสร้างชัดเจนแน่นอน (Well-Structured Problem) หมายถึง ปัญหาที่มีผลลัพธ์แน่นอน มีผู้เกี่ยวข้องจํานวนน้อย มีทางออกในการแก้ไขปัญหาเพียงไม่กี่ทางเลือก (1 – 3 ทาง) ซึ่งแต่ละทางเลือกสามารถมองเห็นผลประโยชน์ของทางเลือกได้ชัดเจน ไม่เป็นที่ถกเถียงกันได้แต่อย่างใด เช่น ปัญหาในการจัดสร้างที่ทําการของหน่วยงานหรือองค์การ เป็นต้น
43 การที่ปัญหาอาจแปรเปลี่ยนลักษณะอาการไปได้ตามแรงกระตุ้นของสิ่งแวดล้อม
ตอบ 2 หน้า 9 ปัญหาที่มีความเป็นพลวัต (Dynamic) หมายถึง การที่ปัญหาได้แปรเปลี่ยนลักษณะอาการไปตามแรงกระตุ้นของสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจนําไปสู่การแปรเปลี่ยนให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกได้ ดังนั้นการกําหนดปัญหาของนโยบายจึงไม่มีข้อสรุปที่ถาวร
44 จะกําหนดนโยบายเศรษฐกิจจะต้องพิจารณาผลกระทบด้านเทคนิค การเมือง สังคม
ตอบ 1 หน้า 9 ปัญหาทั้งหลายมักมีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน (Integration) อยู่เสมอ ดังนั้นในการพิจารณาปัญหาของนโยบายจึงพิจารณาเพียงด้านหนึ่งด้านใดเป็นเอกเทศไม่ได้ เช่น ในการกําหนดนโยบายทางเศรษฐกิจจะพิจารณาเพียงปัจจัยทางเศรษฐกิจเท่านั้นไม่ได้ จะต้องพิจารณาถึงปัจจัยทางด้านการเมือง สังคม หรืออื่น ๆ อีกตามแต่สถานการณ์ที่เผชิญอยู่
45 การมีความหมายในตัวของปัญหาเอง
ตอบ 3 หน้า 9 ปัญหาที่มีลักษณะเป็นอัตนัย (Subjectivity) หมายถึง ในปัญหาหนึ่ง ๆ นั้น ต่างก็มีความหมายในตัวของปัญหาเอง ขึ้นอยู่กับผู้รับรู้หรือผู้กําหนดนโยบายว่าจะสามารถรับรู้หรือ ตระหนักได้ถึงความเป็นปัญหาหรือไม่ ซึ่งความเป็นอัตนัยของปัญหานี้เองที่เป็นเหตุให้เกิด การรับรู้ปัญหาได้ไม่เท่าเทียมกันในหมู่ประชาชน ทั้งนี้เพราะปัญหาที่คนคนหนึ่งตระหนักได้อาจเป็นปัญหาที่คนอื่น ๆ อาจยังไม่ตระหนักถึงก็ได้
ตั้งแต่ข้อ 46 – 50 จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) Action Oriented
(2) Problem Solving
(3) Efficiency and Time Oriented
(4) Clear Objective
(5) Continuous
46 ถือหลักประหยัด ประโยชน์และตรงเวลา
ตอบ 3 หน้า 21 – 22 ลักษณะทั่ว ๆ ไปของแผน มีดังนี้
1 เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอนาคต (Future Oriented)
2 มีไว้เพื่อให้มีการปฏิบัติตามมา (Action Oriented)
3 เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือองค์การ (Organizational Oriented)
4 มีการแก้ปัญหาหรือข้อขัดแย้ง (Problem Solving Oriented)
5 ถือหลักประหยัด ประโยชน์และตรงเวลา (Economical/Efficiency and Time Oriented)
6 มีวัตถุประสงค์ที่ชัดแจ้ง ตรงประเด็น (Clear Objective)
7 มีความต่อเนื่อง (Continuous) และปรับปรุงได้ (Dynamics) ฯลฯ
47 แผนต้องมีความต่อเนื่อง
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 46 ประกอบ
48 แผนมีไว้เพื่อให้ปฏิบัติตามมา
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 46 ประกอบ
49 ต้องสร้างวัตถุประสงค์ให้ตรงประเด็น
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 46 ประกอบ
50 เป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งในการแก้ไขปัญหา
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 46 ประกอบ
51 การวางแผนเชิง “ยุทธศาสตร์” มีที่มาจากวงการใด
(1) วิทยาศาสตร์
(2) การทหาร
(3) การแพทย์
(4) การวิจัย
(5) การเมือง
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ที่มาของการวางแผนกลยุทธ์หรือยุทธศาสตร์ มีดังนี้
1 ข้อเสนอของธนาคารโลก (World Bank) และองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ แห่งสหรัฐอเมริกา (USAID)
2 การวางแผนทางการทหาร
3 เครื่องมือทางการบริหารจัดการของภาคเอกชน
52 ข้อใดคือที่มาของการวางแผนกลยุทธ์
(1) ข้อเสนอของ World Bank
(2) ข้อเสนอของ USAID
(3) เครื่องมือทางการบริหารของเอกชน
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 51 ประกอบ
53 ท่านจะหาเจตนารมณ์หรือเป้าหมายสูงสุดแห่งรัฐได้จากที่ใด
(1) คําแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรี
(2) แผนบริหารราชการแผ่นดิน
(3) รัฐธรรมนูญ
(4) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(5) ยุทธศาสตร์กระทรวง
ตอบ 3 (คําบรรยาย) รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศซึ่งกําหนดรูปแบบและหลักการในการจัดระเบียบการปกครอง ขอบเขตหน้าที่และสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตลอดจนเจตนารมณ์หรือเป้าหมายสูงสุดแห่งรัฐ
54 ท่านจะหาแผนแม่บทในการพัฒนาประเทศได้จากที่ใด
(1) รัฐธรรมนูญ
(2) แผนบริหารราชการแผ่นดิน
(3) คําแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรี
(4) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(5) ยุทธศาสตร์กระทรวง
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 21 ประกอบ
55 การวางแผนกลยุทธ์สัมพันธ์กับระบบงบประมาณแบบใด
(1) ระบบงบประมาณแบบแสดงรายการ
(2) ระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน
(3) ระบบงบประมาณแบบแผนงานโครงการ
(4) ระบบงบประมาณแบบฐานศูนย์
(5) ระบบงบประมาณแบบสะสม
ตอบ 2 (คําบรรยาย) การวางแผนกลยุทธ์สัมพันธ์กับระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน (Performance-Based Budgeting) ซึ่งเป็นระบบงบประมาณที่ให้ความสําคัญต่อ ความสําเร็จตามเป้าประสงค์และวัตถุประสงค์ของแผนงาน รวมทั้งให้ความสําคัญต่อการบ่งชีหรือการวัดผลที่เกิดจากการทํางาน ประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
56 การวางแผนกลยุทธ์ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดใด
(1) Ideal Type of Bureaucracy
(2) Rational Theory
(3) New Public Administration
(4) New Public Management
(5) Blue Ocean Strategy
ตอบ 4 (คําบรรยาย) แนวคิดที่มีอิทธิพลต่อการวางแผนกลยุทธ์ มีดังนี้
1 การบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management : NPM)
2 Reinventing Government ของ David Osborne & Ted Gaebler)
3 การบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management)
4 ทฤษฎีระบบ (System Theory)
57 ข้อใดตรงที่สุดเกี่ยวกับการวางแผนเชิงกลยุทธ์
(1) รัฐชี้นํามากกว่าลงมือทําเอง
(2) รัฐที่เน้นกลไกการตลาด
(3) การมีมาตรฐานและระบบการวัดผลการทํางานที่ชัดเจน
(4) การแบ่งหน่วยงานย่อยเพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการ
(5) การมุ่งเน้นแสวงหากําไร
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การมีมาตรฐานและระบบการวัดผลการทํางานที่ชัดเจน ถือเป็นองค์ประกอบที่สําคัญของการวางแผนกลยุทธ์ เพราะเป็นสิ่งที่บอกว่าหน่วยงานปฏิบัติงานเป็นไปตามเป้าประสงค์ที่วางไว้ในแผนหรือไม่
58 ข้อใดตรงกับ Mission-Driven Government รัฐที่มุ่งขับเคลื่อนด้วยภารกิจ
(1) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม
(2) การกําหนดวิสัยทัศน์
(3) การกําหนดพันธกิจ
(4) การกําหนดตัวชี้วัด
(5) การประเมินผล
ตอบ 3 (คําบรรยาย) รัฐที่มุ่งขับเคลื่อนด้วยภารกิจ (Mission-Driven Government) เป็นการกําหนดภารกิจหรือพันธกิจให้ชัดเจน เพื่อให้การดําเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
59 ภาพที่องค์การหวังหรือฝันจะเป็น คืออะไร
(1) วัตถุประสงค์
(2) พันธกิจ
(3) ยุทธศาสตร์
(4) วิสัยทัศน์
(5) ตัวชี้วัด
ตอบ 4 (คําบรรยาย) วิสัยทัศน์ (Vision) คือ ภาพที่องค์การหวังหรือฝันจะเป็น เป็นการกําหนดทิศทางขององค์การในอนาคต เช่น เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) ที่มีสมรรถนะสูง (High Performance Organization) มุ่งผลิตบัณฑิตในอุดมคติไทยที่มีความรู้คู่คุณธรรม เพื่อ สร้างสรรค์สังคมไทยพัฒนาอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น
60 ข้อใดตรงกับ Result-Oriented Government รัฐที่มุ่งเน้นผลการดําเนินงาน
(1) มุ่งเน้นเฉพาะผลผลิต (Output)
(2) มุ่งเน้นผลลัพธ์ (Outcome)
(3) การคํานึงถึงว่าผู้รับบริการจะได้อะไร
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 รายการ
(5) ถูกทั้งข้อ 2 และ 3
ตอบ 5 (คําบรรยาย) รัฐที่มุ่งเน้นผลการดําเนินงาน (Result-Oriented Government) หมายถึง การมุ่งเน้นผลลัพธ์ (Outcome) หรือการคํานึงถึงว่าผู้รับบริการ/ประชาชนจะได้อะไร
ตั้งแต่ข้อ 61 – 71 จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) การกําหนดวิสัยทัศน์
(2) การกําหนดพันธกิจ
(3) การกําหนดเป้าประสงค์
(4) การกําหนดกลยุทธ์
(5) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม
(6) การนํากลยุทธ์ไปปฏิบัติ
(7) การควบคุมกลยุทธ์
61 ข้อใดเรียงลําดับกระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์ที่ถูกต้อง
(1) 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7
(2) 4, 1, 2, 3, 5, 6, 7
(3) 4, 1, 2, 5, 3, 6, 7
(4) 5, 4, 1, 2, 3, 6, 7
(5) 5, 1, 2, 3, 4, 6, 7
ตอบ 5 (คําบรรยาย) กระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์ มี 7 ขั้นตอน ดังนี้
1 การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม
2 การกําหนดวิสัยทัศน์
3 การกําหนดพันธกิจ
4 การกําหนดเป้าประสงค์
5 การกําหนดกลยุทธ์
6 การนํากลยุทธ์ไปปฏิบัติ
7 การควบคุมกลยุทธ์
62 PEST Analysis
(1) 4
(2) 5
(3) 6
(4) 7
(5) 1 ตอบ 2 (คําบรรยาย) เครื่องมือวิเคราะห์สภาพแวดล้อมขององค์การ มีดังนี้
1 2’S 4’M
2 7’S
3 PMQA
4 PEST Analysis
5 STEPP Model
6 Five-Forces Model D
7 SWOT Analysis
63 ข้อใดคือขั้นตอนที่บอกถึงกิจกรรมที่องค์การจะต้องทํา
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 2 (คําบรรยาย) การกําหนดพันธกิจหรือภารกิจ (Mission) คือ การบอกถึงกิจกรรมที่องค์การจะต้องทํา เช่น จัดเก็บภาษีให้ได้ตามประมาณการ เป็นต้น
64 “จัดเก็บภาษีให้ได้ตามประมาณการ” ประโยคดังกล่าวเป็นการกําหนดอะไร
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 63 ประกอบ
65 ข้อใดเป็นสิ่งที่บอกว่า “ใคร” ได้ประโยชน์จากการกระทําขององค์การ
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การกําหนดเป้าประสงค์ (Goat) คือ การบอกว่า “ใคร” ได้ประโยชน์จากการกระทําหรือการดําเนินตามพันธกิจขององค์การ เช่น ประชาชนและชุมชนในพื้นที่ชายแดน และพื้นที่เฉพาะอื่น ๆ มีโอกาสได้รับการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นต้น
66 “เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) ที่มีสมรรถนะสูง (High Performance Organization) มุ่งผลิตบัณฑิตในอุดมคติไทยที่มีความรู้คู่คุณธรรม เพื่อสร้างสรรค์สังคมไทยพัฒนาอย่างยั่งยืนตามหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ประโยคดังกล่าวคือการกําหนดอะไร
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 59 ประกอบ
67 “ประชาชนและชุมชนในพื้นที่ชายแดน และพื้นที่เฉพาะอื่น ๆ มีโอกาสได้รับการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต” ประโยคดังกล่าวคือการกําหนดอะไร
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 65 ประกอบ
68 การกําหนดทิศทางขององค์การ อยู่ในขั้นตอนใด
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 59 ประกอบ
69 “การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและอัตราการเกิดของประชากรลดลง ส่งผลให้มหาวิทยาลัยมีจํานวนนักศึกษาลดลง” ประโยคดังกล่าวจะปรากฏอยู่ในขั้นตอนใด
(1) 1
(2) 2
(3) 3 มกราคม
(4) 4 มกราคม
(5) 5
ตอบ 5 (คําบรรยาย) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม คือ การประเมินสถานภาพขององค์การ โดยการพิจารณาสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกเพื่อให้ทราบจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคขององค์การ เพื่อนําไปประกอบในการกําหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับองค์การต่อไป
70 การกําหนดรายละเอียด/กิจกรรม หรือโครงการ คือขั้นตอนใด ๆ
(1) 3
(2) 4
(3) 5
(4) 6
(5) 7
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การนํากลยุทธ์ไปปฏิบัติ คือ กระบวนการแปลงกลยุทธ์ไปสู่แผนการดําเนินงานกําหนดรายละเอียด/กิจกรรม หรือโครงการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถดําเนินการตามกลยุทธ์ได้อย่างเป็นรูปธรรม
71 การติดตามประเมินผล คือขั้นตอนใด
(1) 3
(2) 4
(3) 5
(4) 6
(5) 7
ตอบ 5 (คําบรรยาย) การควบคุมกลยุทธ์ คือ การติดตามประเมินผลการดําเนินงานทั้งหมดตามแผนกลยุทธ์ที่กําหนดไว้ว่าการดําเนินงานบรรลุผลสําเร็จตามแผนมากน้อยเพียงใด ซึ่งต้องอาศัยการเปรียบเทียบผลที่ได้จากการปฏิบัติจริงกับผลการดําเนินงานที่ตั้งเป้าหมายไว้ หากปรากฏ ผลที่ได้จากการดําเนินงานจริงต่ํากว่าเป้าหมายที่กําหนดไว้ในแผน ผู้บริหารก็จะต้องหาทาง
ปรับปรุงแก้ไขต่อไป
72 ข้อใดไม่ใช่เครื่องมือวิเคราะห์สภาพแวดล้อม
(1) PEST Analysis
(2) SWOT Analysis
(3) STEPP Model
(4) 7’S
(5) QQCT
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 62 ประกอบ
73 ข้อใดคือปัจจัยในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน
(1) Strengths, Weaknesses
(2) Strengths, Social
(3) Strengths, Politics
(4) Opportunities, Treats
(5) Opportunities, Technology
ตอบ 1 (คําบรรยาย) SWOT Analysis เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมขององค์การซึ่งประกอบด้วย
1 การวิเคราะห์จุดแข็ง (Strengths) และจุดอ่อน (Weaknesses) ขององค์การ ซึ่งเป็นการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในองค์การ
2 การวิเคราะห์โอกาส (Opportunities) และอุปสรรค (Treats) ขององค์การ ซึ่งเป็นการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกองค์การ
74 ข้อใดคือปัจจัยในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก
(1) Strengths, Weaknesses
(2) Strengths, Social
(3) Strengths, Politics
(4) Opportunities, Treats
(5) Opportunities, Technology
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 73 ประกอบ
75 โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง วิเคราะห์สภาพแวดล้อมว่า
1 การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุจึงมีแนวโน้มผู้เข้ารับบริการมากขึ้นส่งผลให้หน่วยงานได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น
2 การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุจึงมีแนวโน้มผู้เข้ารับบริการมากขึ้นส่งผลให้บริการได้ไม่ทั่วถึง
การวิเคราะห์ดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ เพราะเหตุใด
(1) ถูกต้อง เพราะสมเหตุสมผล
(2) ถูกต้อง เพราะสถานการณ์เป็นเช่นนั้น
(3) ไม่ถูกต้อง เพราะรัฐมีงบประมาณจํากัด
(4) ไม่ถูกต้อง เพราะขัดแย้งกันเอง กําหนดทิศทางกลยุทธ์ได้ยาก
(5) ถูกทั้งข้อ 3 และ 4
ตอบ 4 (คําบรรยาย การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมดังกล่าวไม่ถูกต้อง เพราะขัดแย้งกันเองทําให้กําหนดทิศทางกลยุทธ์ขององค์การได้ยาก
76 ตัวบ่งชี้ความสําเร็จในการดําเนินงาน หมายถึงอะไร
(1) ผลผลิต
(2) ผลลัพธ์
(3) กลุ่มเป้าหมาย
(4) ตัวชี้วัด
(5) ต้นทุน
ตอบ 4 (คําบรรยาย) ตัวชี้วัด คือ ตัวบ่งชี้ความสําเร็จในการดําเนินงาน ซึ่งคุณสมบัติของตัวชี้วัดที่ดีมีดังนี้
1 Validity คือ สมเหตุสมผล อธิบายได้
2 Availability คือ ความมีอยู่ของข้อมูล
3 Reliability คือ ความเชื่อถือได้
4 Sensitivity คือ ความเคลื่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลง
77 ข้อใดคือคุณสมบัติของตัวชี้วัดที่ดี
(1) Validity
(2) Availability
(3) Reliability
(4) Sensitivity
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 76 ประกอบ
78 กรมควบคุมมลพิษกําหนดตัวชี้วัดว่า “ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอนทั่วประเทศมีค่าไม่เกิน 0.025 มก./ลบ.ม. ตลอดปี” การกําหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานใด
(1) มาตรฐานเชิงนโยบาย
(2) เกณฑ์สัมบูรณ์
(3) มาตรฐานเชิงวิทยาศาสตร์
(4) ถูกทั้งข้อ 2 และ 3
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3 (คําบรรยาย) มาตรฐานเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Criteria) เป็นการกําหนดเกณฑ์ตัวชี้วัดโดยใช้ค่ากลางซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ เช่น กรมควบคุมมลพิษ กําหนดตัวชี้วัดว่า “ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอนทั่วประเทศมีค่าไม่เกิน 0.025 มก./ ลบ.ม. ตลอดปี” เป็นต้น
ตั้งแต่ข้อ 79 – 84 จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) Impact
(2) Output
(3) Outcome
(4) QQCT
(5) 2Q2T1P
79 ข้อใดเรียงลําดับระดับของตัวชี้วัดจากใหญ่ไปเล็กได้ถูกต้อง
(1) 1, 2, 3
(2) 1, 3, 2
(3) 2, 3, 1
(4) 3, 2, 1
(5) ไม่มีข้อถูก
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ระดับของตัวชี้วัดเรียงลําดับจากใหญ่ไปเล็กได้ดังนี้
1 ผลกระทบ (Impact) เป็นตัวชี้วัดระดับรัฐบาลและกระทรวง
2 ผลลัพธ์ (Outcome) เป็นตัวชี้วัดระดับกรม
3 ผลผลิต (Output) เป็นตัวชี้วัดระดับสํานัก (หน่วยปฏิบัติ)
80 ข้อใดคือตัวชี้วัดระดับกรม
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 79 ประกอบ
81 ข้อใดคือตัวชี้วัดระดับกระทรวง
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 79 ประกอบ
82 ข้อใดคือเทคนิคการกําหนดตัวชี้วัดระดับกระทรวง
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 5 (คําบรรยาย) 2Q2T1P เป็นเทคนิคการกําหนดตัวชี้วัดระดับรัฐบาล กระทรวง และกรมซึ่งมีองค์ประกอบดังนี้
1 Quantity (ปริมาณ)
2 Quality (คุณลักษณะ)
3 Time (เวลา)
4 Target Group (กลุ่มเป้าหมาย)
5 Place (สถานที่)
83 ข้อใดคือเทคนิคการกําหนดตัวชี้วัดระดับกรม
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 82 ประกอบ
84 ข้อใดคือเทคนิคการกําหนดตัวชี้วัดระดับสํานัก (หน่วยปฏิบัติ)
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 4 (คําบรรยาย) QQCT เป็นเทคนิคการกําหนดตัวชี้วัดระดับสํานัก (หน่วยปฏิบัติ)ซึ่งมีองค์ประกอบดังนี้
1 Quantity (ปริมาณ)
2 Quality (คุณลักษณะ)
3 Cost (ต้นทุน)
4 Time (เวลา)
85 ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของโครงการ
(1) งานสร้างสรรค์
(2) งานประจํา
(3) งานซับซ้อน
(4) งานเชี่ยวชาญเฉพาะ
(5) งานจํากัดเวลา
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ลักษณะของโครงการ มีดังนี้
1 เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง และความท้าทายบางอย่าง
2 มีข้อจํากัดด้านเวลา/มีระยะเวลาที่แน่นอน
3 เป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
4 มีความซับซ้อน
5 ต้องใช้ความร่วมมือหลากหลายสาขาเพื่อการเปลี่ยนแปลง
6 ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะ
7 มีความชัดเจนแน่นอนสูง
8 ต้องใช้ทรัพยากร
9 ขนาดและความซับซ้อนขึ้นอยู่กับงบประมาณ วัตถุประสงค์ กําลังคน ความเสี่ยงของเส้นตาย
10 ต้องการความเป็นองค์การในการขับเคลื่อน
86 ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับลักษณะของโครงการ
(1) งานที่ท้าทาย ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะ เป็นเรื่องใหม่ ๆ มีระยะเวลาที่แน่นอน
(2) งานสร้างสรรค์ ต้องใช้ความร่วมมือหลากหลายสาขาเพื่อการเปลี่ยนแปลง มีระยะเวลาที่แน่นอน
(3) งานที่มีความซับซ้อน มีการลงทุนสูง ใช้ความเชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ไม่กําหนดระยะเวลา
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1
(5) ถูกทั้งข้อ 1 และ 2
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 85 ประกอบ
87 ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของโครงการภาครัฐ
(1) รัฐเป็นเจ้าของโครงการ
(2) มาจากสภาพปัญหาของสังคม
(3) มีผลกระทบต่อสังคมสูง
(4) มีผลตอบแทนสูง
(5) ใช้เงินภาษี
ตอบ 4 (คําบรรยาย) ลักษณะของโครงการภาครัฐ มีดังนี้
1 รัฐเป็นเจ้าของโครงการ
2 มาจากปัญหาข้อเรียกร้องของประชาชนหรือสภาพปัญหา ของสังคม
3 เป็นประโยชน์สาธารณะ
4 มีระยะเวลาแน่นอน
5 ใช้เงินภาษี
6 ประเมินผลตอบแทนยาก
7 มีผลกระทบต่อสังคมสูง
88 ข้อใดคือขอบเขตและคุณภาพของการบริหารโครงการ
(1) เวลา ต้นทุน แผนงาน
(2) เวลา ต้นทุน นโยบาย
(3) เวลา ต้นทุน หนี้ ความเสี่ยง
(4) เวลา ต้นทุน กําไร ความเสี่ยง
(5) เวลา ต้นทุน ความพร้อมของทรัพยากร ความเสี่ยง
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ขอบเขตและคุณภาพของการบริหารโครงการ มีองค์ประกอบดังนี้
1 เวลา (Time)
2 ต้นทุน (Cost)
3 ความพร้อมของทรัพยากร (Resource Availability)
4 ความเสี่ยง (Risk)
89 ข้อใดถูกต้อง
(1) โครงการที่อยู่ในโครงสร้างแบบราชการมีเสถียรภาพสูงและคล่องตัว
(2) โครงการที่อยู่ในโครงสร้างแบบราชการประหยัด มีประสิทธิภาพ
(3) โครงการที่อยู่ในโครงสร้างแบบราชการมักขาดการประสานงาน ไม่คล่องตัว (4) โครงการที่อยู่ในโครงสร้างแบบราชการประสานงานได้รวดเร็วคล่องตัว
(5) โครงการที่อยู่ในโครงสร้างแบบราชการมีต้นทุนสูง
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การจัดโครงสร้างแบบดั้งเดิม (Traditional Bureaucracy) เป็นการจัดโครงการที่อยู่ในโครงสร้างเดิมแบบราชการ โดยจัดโครงสร้างตามหน้าที่ (Function) ตามกลุ่มงาน ที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งข้อดีของการจัดโครงสร้างแบบนี้คือ ประหยัด ไม่ต้องปรับโครงสร้างใหม่ มีผู้รับผิดชอบชัดเจน และมีความเป็นเจ้าของผลงานชัดเจน ส่วนข้อจํากัดคือ ขาดการประสานงานไม่คล่องตัว และไม่เหมาะสมกับโครงการขนาดใหญ่หรือซับซ้อน
90 ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดโครงสร้างแบบโครงการ
(1) จัดตั้งขึ้นใหม่เป็นการเฉพาะหรือแยกออกมาจากโครงสร้างเดิม
(2) โครงสร้างเป็นแบบแนวราบ มีความคล่องตัว
(3) มีทรัพยากรเป็นของตัวเอง
(4) ประหยัด มีประสิทธิภาพ
(5) สนับสนุนการทํางานเป็นทีม
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การจัดโครงสร้างแบบโครงการ (Project Organization) เป็นการจัดโครงสร้างขึ้นใหม่เป็นการเฉพาะหรือแยกออกมาจากโครงสร้างเดิม โดยเน้นโครงสร้างแบบแนวราบและ เน้นการทํางานเป็นทีม ซึ่งข้อดีของการจัดโครงสร้างแบบนี้คือ มีความคล่องตัวและสะดวก ในการบริหารจัดการมุ่งเน้นผลลัพธ์ และมีทรัพยากรเป็นของตัวเอง ส่วนข้อจํากัดคือ สิ้นเปลืองทรัพยากรหากมีโครงการจํานวนมาก
91 ประยุทธ์มีตําแหน่งวิศวกร ประจําสํานักสํารวจวิศวกรรมและธรณีวิทยาประวิตรตําแหน่งนักบัญชีประจํากองการเงินและบัญชี, อนุพงษ์ ประจําสํานักกฎหมายและที่ดิน สังกัดกรมชลประทาน ทั้งสามคน เป็นคณะทํางานในโครงการออกแบบเขื่อน… ลักษณะที่กล่าวมาเป็นการจัดโครงสร้างโครงการแบบใด
(1) โครงสร้างแบบราชการ งานว่า
(2) โครงสร้างตามแนวตั้ง
(3) โครงสร้างแบบโครงการ
(4) โครงสร้างแบบราบ
(5) โครงสร้างแบบแมทริกซ์
ตอบ 5 (คําบรรยาย การจัดโครงสร้างแบบแมทริกซ์ (Matrix Organization) เป็นการจัดโครงสร้างที่ผสมระหว่างโครงสร้างแบบเดิมกับโครงสร้างแบบโครงการ โดยใช้กําลังคนในโครงสร้างเดิม มาร่วมในโครงการโดย ม่ละทิ้งหน้าที่เดิม ซึ่งในภาครัฐของไทยมักใช้วิธีการตั้งเป็นคณะกรรมการ โดยมีองค์ประกอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ข้อดีของการจัดโครงสร้างแบบนี้คือ ประสานงานได้รวดเร็วและประหยัด ส่วนข้อจํากัดคือ ขาดความเป็นเจ้าของผลงาน
92 ข้อใดคือข้อจํากัดของการจัดโครงสร้างการบริหารโครงการแบบแมทริกซ์ (1) ประสานงานล่าช้า
(2) สิ้นเปลือง
(3) ไม่เหมาะกับโครงการขนาดใหญ่
(4) ขาดความเป็นเจ้าของผลงาน
(5) ลําดับชั้นการบังคับบัญชาสูง
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 91 ประกอบ
93 ข้อใดเรียงลําดับวงจรชีวิตโครงการได้ถูกต้อง
(1) สํารวจสถานะ วางแผน ดําเนินการ สิ้นสุดโครงการ
(2) กําหนดโครงการ วางแผน ดําเนินการ สิ้นสุดโครงการ
(3) วางแผนกําลังคน สํารวจสถานะ ดําเนินการ สิ้นสุดโครงการ
(4) รายงานสถานะโครงการ วางแผน ดําเนินการ สินสุดโครงการ
(5) ไม่มีข้อถูก
ตอบ 2 (คําบรรยาย) วงจรชีวิตโครงการ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้
1 การกําหนดโครงการ
2 การวางแผน
3 การดําเนินการ ซึ่งเป็นขั้นที่มีระดับความพยายามสูงสุด
4 การสิ้นสุดโครงการ
94 วงจรชีวิตขั้นใดมีระดับความพยายามสูงสุด
(1) สํารวจสภาพแวดล้อม
(2) กําหนดโครงการ
(3) วางแผน
(4) ดําเนินการ
(5) สิ้นสุดโครงการ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 93 ประกอบ
95 ผลสําเร็จจากการดําเนินกิจกรรมของโครงการเป็นผลสําเร็จในระดับใด
(1) Input
(2) Impact
(3) Outcome
(4) Output
(5) ไม่มีข้อถูก
ตอบ 4 (คําบรรยาย) ผลสําเร็จจากการดําเนินกิจกรรมของโครงการ เป็นผลสําเร็จในระดับผลผลิต (Output)
96 ชุดรวมของบรรดาโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์เดียวกัน คืออะไร (1) Mega Project
(2) Program
(3) Policy
(4) Indicator HEBB
(5) Planning
ตอบ 2 (คําบรรยาย) แผนงาน (Program) คือ ชุดรวมของบรรดาโครงการ (Project) ต่าง ๆที่อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์เดียวกัน
97 ข้อใดคือหัวข้อแรกในการเขียนโครงการ
(1) ความเป็นมาและความสําคัญ
(2) ชื่อโครงการ
(3) วัตถุประสงค์ของโครงการ
(4) เป้าหมาย
(5) วิธีดําเนินการ
ตอบ 2 (คําบรรยาย) การเขียนโครงการแบบบรรยาย เป็นการเขียนบรรยายรายละเอียดและองค์ประกอบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในโครงการไล่เรียงไปตามลําดับ ดังนี้
1 ชื่อโครงการ
2 ความเป็นมาและความสําคัญ
3 วัตถุประสงค์
4 เป้าหมาย
5 กิจกรรม/วิธีดําเนินการ
6 ทรัพยากร/งบประมาณที่ใช้ดําเนินโครงการ
7 ระยะเวลาดําเนินการ
8 หน่วยงาน/ผู้รับผิดชอบ
9 อื่น ๆ
98 ข้อใดไม่ใช่หลักในการเขียนวัตถุประสงค์โครงการ
(1) สั้น กระชับ
(2) เขียนเป็นรายข้อ
(3ไม่ควรเกิน 3 ข้อ
(4) เรียงตามความสําคัญมากไปน้อย
(5) เรียงตามความสําคัญน้อยไปมาก
ตอบ 5 (คําบรรยาย) หลักในการเขียนวัตถุประสงค์โครงการ มีดังนี้
1 เขียนเป็นรายข้อว่าทําเพื่ออะไร
2 เรียงลําดับตามความสําคัญจากมากไปน้อย
3 เขียนสั้นกระชับได้ใจความ
4 ไม่ควรมีมากเกินไป ส่วนใหญ่ไม่เกิน 3 ข้อ
99 การเขียนแผนผัง/ตารางแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมในโครงการกับระยะเวลามักเขียนในรูปแบบใด
(1) Grand Chart
(2) Growth Chartered
(3) Gantt Chart
(4) Great Chart
(5) Grace Chart
ตอบ 3 (คําบรรยาย) Gantt Chart คือ แผนผัง/ตารางแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมในโครงการกับระยะเวลาดําเนินการ ซึ่งจะทําให้ทราบจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของงานในแต่ละขั้นตอน
100 ข้อใดคือการประเมินเพื่อหาความจําเป็นหรือความต้องการของโครงการ (1) Pre-evaluation
(2) Post-evaluation
(3) Ongoing-evaluation
(4) Monitoring
(5) Strategic Assessment
ตอบ 1 (คําบรรยาย) การประเมินผลก่อนเริ่มโครงการ (Pre-evaluation) เป็นการประเมินเพื่อหาความจําเป็นหรือความต้องการของโครงการ (Need Assessment) และการประเมิน ความเป็นไปได้ของโครงการ (Project Appraisal/Project Feasibility Study)