การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2548
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2012 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยประกันภัย
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 นายโอ่งมีฐานะยากจนและป่วยเป็นโรคอัมพาตมา 2 ปี ทำให้พูดไม่ได้ ร่างกายผอมต้องนอนอยู่กับที่ไม่มีเงินค่ารักษาพยาบาลตัวเอง นายกล้าจัดให้นายโอ่งเอาประกันชีวิตไว้กับบริษัทผู้รับประกันชีวิตแห่งหนึ่งวงเงิน 1 แสนบาท โดยนายกล้าเป็นคนออกเบี้ยประกันให้ นายโอ่งมีบุตรและภรรยาอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แต่นายโอ่งมิได้ระบุให้บุตรและภรรยาของตนเป็นผู้รับประโยชน์จากกรมธรรม์ประกันชีวิต นายโอ่งกลับระบุให้นายกล้าเป็นผู้รับประโยชน์ ในคำขอเอาประกันได้ระบุความสัมพันธ์ระหว่างนายกล้าและนายโอ่งว่านายกล้าเป็นหลานของนายปฐมซึ่งเป็นเพื่อนของนายโอ่งและปรากฏว่านายกล้าเป็นผู้กรอกข้อความในคำขอเอาประกันแทนนายโอ่ง แต่ให้นายโอ่งลงชื่อเป็นผู้ยื่นขอเอาประกัน ต่อมาในระหว่างอายุสัญญา นายโอ่งถึงแก่ความตาย นายกล้าได้ยื่นขอรับประโยชน์แต่บริษัทประกันปฏิเสธการจ่าย ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่าผู้เอาประกันภัยมีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้นั้นหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 863 อันสัญญาประกันภัยนั้น ถ้าผู้เอาประกันภัยมิได้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้นั้นไซร้ ท่านว่าย่อมไม่ผูกพันคู่สัญญาแต่อย่างหนึ่งอย่างใด
วินิจฉัย
การที่นายกล้าจัดให้นายโอ่งเอาประกันภัย โดยนายกล้าเป็นผู้จ่ายเบี้ยประกัน และเป็นผู้รับประโยชน์ด้วย ไม่ถือว่านายโอ่งเป็นผู้เอาประกันภัยโดยแท้จริง เพราะการกระทำของนายกล้ามีเจตนาหลีกเลี่ยงเรื่องส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัย โดยนายกล้าทำทีเป็นว่าให้นายโอ่งออกหน้าเป็นผู้เอาประกันภัย ความจริงฟังได้ว่า นายกล้าเป็นผู้เอาประกันภัย และนายกล้าไม่มีความสัมพันธ์ในทางญาติแต่อย่างใด เนื่องจากนายกล้าเป็นเพียงหลาน คือ บุตรชายนายปฐม ซึ่งเป็นเพื่อนของนายโอ่ง นายกล้าผู้เอาประกันภัยจึงไม่มีส่วนได้เสียในชีวิตของบุคคลอื่น คือ นายโอ่ง ตามมาตรา 863 นายกล้าไม่มีสิทธิเรียกเงินประกัน 1 แสนบาท
สรุป นายกล้าผู้เอาประกันภัย ไม่มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัย คือ ไม่มีความสัมพันธ์ในชีวิตของนายโอ่ง ตามมาตรา 863 (ฎ. 1366/2509)
ข้อ 2 นายดำทำสัญญาประกันชีวิตตนเองไว้กับบริษัทสวรรค์ประกันชีวิต จำกัด เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2544 ระบุให้นายแดงบุตรของนายดำเป็นผู้รับประโยชน์ มีจำนวนเงินที่เอาประกันชีวิต 1,000,000 บาท วันที่ 2 มกราคม 2544 นายดำทำสัญญาประกันชีวิตนางจันทร์ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของนายดำไว้กับบริษัท ชัยประกันชีวิต จำกัด ระบุให้นายแดงเป็นผู้รับประโยชน์เช่นกัน มีจำนวนเงินที่เอาประกันชีวิต 500,000 บาท วันที่ 2 มกราคม 2545 ซึ่งอยู่ในอายุกรมธรรม์ นายดำทะเลาะกับนางจันทร์อย่างรุนแรง นายดำใช้อาวุธปืนยิงนางจันทร์ตายและใช้ปืนนั้นยิงตัวเองตายตาม
ให้วินิจฉัยว่าบริษัท สวรรค์ประกันชีวิต จำกัด และบริษัท ชัยประกันชีวิต จำกัด จะปฏิเสธไม่ใช้เงินตามสัญญาประกันชีวิตให้นายแดงได้หรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 895 เมื่อใดจะต้องใช้จำนวนเงินในเหตุมรณะของบุคคลคนหนึ่งคนใด ท่านว่าผู้รับประกันภัยจำต้องใช้เงินนั้นในเมื่อมรณภัยอันนั้นเกิดขึ้น เว้นแต่
(1) บุคคลผู้นั้นได้กระทำอัตตวินิบาตด้วยใจสมัครภายในปีหนึ่งนับแต่วันทำสัญญา หรือ
(2) บุคคลผู้นั้นถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา
วินิจฉัย
เมื่อนางดำและนางเขียวมรณะภายในอายุกรมธรรม์ ผู้รับประกันภัยจะปฏิเสธไม่ใช้เงินตามกรมธรรม์ได้ หากมีเหตุตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 895 คือ
1 บุคคลนั้นได้กระทำอัตตวินิบาตด้วยใจสมัครภายใน 1 ปีนับแต่วันทำสัญญา
2 บุคคลนั้นถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา
นายดำฆ่านางจันทร์โดยเจตนาฆ่าตัวตายโดยใจสมัครเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2545 การที่นายดำฆ่านางจันทร์ตาย แต่นายดำมิใช่ผู้รับประโยชน์ และการที่นายดำฆ่าตัวตายโดยใจสมัครก็ได้กระทำภายหลัง 1 ปี นับแต่วันทำสัญญา ทั้งสองกรณีจึงไม่ต้องด้วยเหตุตามมาตรา 895 ที่บริษัท สวรรค์ประกันชีวิต จำกัดและบริษัท ชัยประกันชีวิต จำกัด จะปฏิเสธไม่ใช้เงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิตให้นายแดง
สรุป บริษัท สวรรค์ประกันชีวิต จำกัด และบริษัท ชัยประกันชีวิต จำกัด จะปฏิเสธไม่ใช้เงินตามสัญญาประกันชีวิตให้นายแดงไม่ได้
ข้อ 3 ดำได้ทำสัญญาประกันชีวิตตนเองโดยอาศัยเหตุแห่งการมรณะไว้กับบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด จำนวนเงินที่เอาประกัน 1 ล้านบาท ระยะเวลาประกันตามสัญญา 10 ปี โดยระบุให้แดงบุตรสาวเป็นผู้รับประโยชน์ ระหว่างอายุสัญญาประกันชีวิตดังกล่าว ดำประสบอุบัติเหตุโดยในขณะที่กำลังเดินข้ามถนนตรงทางม้าลายอยู่นั้นก็ถูกเขียวซึ่งขับรถมาด้วยความเร็วสูงเฉี่ยวชนล้มลงหัวฟาดพื้นถึงแก่ความตายทันที เขียวถูกจับดำเนินคดีฐานขับรถชนคนตายโดยประมาทเลินเล่อ หลังจากที่ดำเสียชีวิตลง บริษัทก็ได้จ่ายเงินตามสัญญาประกันชีวิตให้กับแดงผู้รับประโยชน์เป็นเงิน 1 ล้านบาท ต่อมาบริษัทก็ไปเรียกร้องเงินจากเขียว ซึ่งเป็นผู้ขับรถชนดำเสียชีวิตตามจำนวนที่บริษัทได้จ่ายให้กับแดงไปแล้ว โดยอ้างการรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันตามหลักกฎหมายประกันภัย จงวินิจฉัยว่าข้ออ้างดังกล่าวฟังขึ้นหรือไม่ และเขียวต้องจ่ายเงินให้กับใครอย่างไรหรือไม่ เพราะเหตุใด โดยอาศัยหลักกฎหมายใด
ธงคำตอบ
มาตรา 862 ตามข้อความในลักษณะนี้
คำว่า “ผู้รับประโยชน์” ท่านหมายความว่า บุคคลผู้จะพึงได้รับค่าสินไหมทดแทนหรือรับจำนวนเงินใช้ให้
มาตรา 863 อันสัญญาประกันภัยนั้น ถ้าผู้เอาประกันภัยมิได้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้นั้นไซร้ ท่านว่าย่อมไม่ผูกพันคู่สัญญาแต่อย่างหนึ่งอย่างใด
มาตรา 890 จำนวนเงินอันจะพึงใช้นั้น จะชำระเป็นเงินจำนวนเดียว หรือเป็นเงินรายปีก็ได้ สุดแล้วแต่จะตกลงกันระหว่างคู่สัญญา
มาตรา 895 เมื่อใดจะต้องใช้จำนวนเงินในเหตุมรณะของบุคคลคนหนึ่งคนใด ท่านว่าผู้รับประกันภัยจำต้องใช้เงินนั้นในเมื่อมรณภัยอันนั้นเกิดขึ้น เว้นแต่
(1) บุคคลผู้นั้นได้กระทำอัตตวินิบาตด้วยใจสมัครภายในปีหนึ่งนับแต่วันทำสัญญา หรือ
(2) บุคคลผู้นั้นถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา
มาตรา 896 ถ้ามรณภัยเกิดขึ้นเพราะความผิดของบุคคลภายนอก ผู้รับประกันภัยหาอาจจะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากบุคคลภายนอกนั้นได้ไม่ แต่สิทธิของฝ่ายทายาทแห่งมรณะในอันจะได้ค่าสินไหมทดแทนจากบุคคลภายนอกนั้นหาสูญสิ้นไปด้วยไม่ แม้ทั้งจำนวนเงินอันจะพึงใช้ตามสัญญาประกันชีวิตนั้นจะหวนกลับมาได้แก่ตนด้วย
วินิจฉัย
ดำเอาประกันชีวิตตนเองโดยอาศัยเหตุแห่งการมรณะ ดำย่อมมีส่วนได้เสียในเหตุนี้สัญญาจึงมีผลผูกพัน ตามมาตรา 863 เมื่อแดงบุตรสาวถูกระบุให้เป็นผู้รับประโยชน์ ตามมาตรา 862 ย่อมมีสิทธิได้รับเงินตามสัญญาประกันชีวิตตามจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญา ตามมาตรา 890 เพราะเป็นการประกันชีวิตโดยอาศัยเหตุแห่งการมรณะ เมื่อมีมรณภัยเกิดขึ้น บริษัทฯก็ต้องจ่ายเงินตามสัญญาประกันชีวิต เนื่องจากไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 895 และเมื่อบริษัทจ่ายเงินตามสัญญาฯ ให้กับผู้รับประโยชน์แล้วไม่มีสิทธิในการรับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกัน เนื่องจากเป็นการทำสัญญาประกันชีวิต จึงต้องห้ามตามมาตรา 896 เพราะสิทธิเรียกค่าสินไหมมดแทนในกรณีนี้เป็นสิทธิของทายาทของผู้เอาประกันชีวิตตามหลักกฎหมายละเมิด
สรุป ข้ออ้างของบริษัทฟังไม่ขึ้น และเขียวต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ทายาทของดำ โดยอาศัยหลักกฎหมายละเมิด