การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2551
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2012 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยประกันภัย
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 865 ถ้าในเวลาทำสัญญาประกันภัย ผู้เอาประกันภัยก็ดีหรือในกรณีประกันชีวิตบุคคลอันการใช้เงินย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของเขานั้นก็ดี รู้อยู่แล้วละเว้นเสียไม่เปิดเผยข้อความจริงซึ่งอาจจะได้จูงใจผู้รับประกันภัยสูงขึ้นอีกหรือให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญา หรือว่ารู้อยู่แล้วแถลงข้อความนั้นเป็นความเท็จไซร้ ท่านว่าสัญญานั้นเป็นโมฆะ
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า การที่นายแตงรู้ว่าตนเองป่วยเป็นโรคต้อตา แต่ไม่ได้แจ้งให้บริษัทประกันชีวิตทราบ บริษัทประกันชีวิตจะมีสิทธิบอกล้างสัญญาประกันชีวิต และไม่จ่ายเงินประกันให้แก่ผู้รับประโยชน์ได้หรือไม่ เห็นว่า โดยหลักแล้ว ถ้าผู้เอาประกันภัยรู้อยู่แล้วละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริง ซึ่งอาจจูงใจให้ผู้รับประกันภัยเรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นหรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญา สัญญาประกันชีวิตจึงจะตกเป็นโมฆียะ ซึ่งผู้รับประกันภัยมีสิทธิบอกล้างเพื่อปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามสัญญาได้ตามมาตรา 865 วรรคแรก การที่นายแตงรู้อยู่แล้วว่าตนเองเป็นโรคต้อตาแต่ไม่ได้แจ้งให้บริษัทฯทราบนั้น โรคต้อตาไม่ถือว่าเป็นอาการผิดปกติเกี่ยวกับตาที่มีอันตรายร้ายแรงถึงขนาดอนุมานได้ว่า ถ้านายแตงผู้เอาประกันภัยได้แจ้งเช่นนั้นแล้ว ผู้รับประกันชีวิตจะบอกปัดไม่รับประกันชีวิต หรือจะเรียกเบี้ยประกันให้สูงขึ้น ดังนั้น แม้นายแตงจะมิได้แจ้งให้บริษัทฯทราบก็ไม่ทำให้สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆียะ
ส่วนการที่นายแตงตายด้วยโรคมะเร็งซึ่งเป็นโรคร้ายนั้น เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่านายแตงรู้ว่าตนป่วยเป็นโรคมะเร็งมาก่อน แม้นายแตงจะถึงแก่ความตายด้วยโรคมะเร็ง ก็จะถือว่านายแตงละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงซึ่งอาจจูงใจให้ผู้รับประกันภัยเรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นหรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาไม่ได้
เมื่อสัญญาประกันชีวิตสมบูรณ์ บริษัทประกันชีวิตไม่มีสิทธิบอกล้าง การที่นายแตงถึงแก่ความตายด้วยโรคมะเร็ง บริษัทฯจึงต้องจ่ายเงินประกัน 2 แสนบาทให้แก่นางกล้วยผู้รับประโยชน์ ฎ. 3728/2530
สรุป บริษัทประกันภัยไม่มีสิทธิบอกล้าง จึงต้องจ่ายเงินประกัน 2 แสนบาทให้แก่นางกล้วยผู้รับประโยชน์
ข้อ 2 นายแก้วเอาบ้านของตนประกันอัคคีภัยไว้กับบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ต่อมาภายในอายุสัญญาประกัน นายขวดบุตรของนายแก้วจุดไฟเผาบ้านหลังนี้ไหม้หมดทั้งหลังเพื่อประท้วงนายแก้วบิดาที่ไม่ยอมซื้อรถมอเตอร์ไซค์ให้ ดังนี้ นายแก้วเรียกร้องให้บริษัทประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 863 อันสัญญาประกันภัยนั้น ถ้าผู้เอาประกันภัยมิได้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้นั้นไซร้ ท่านว่าย่อมไม่ผูกพันคู่สัญญาแต่อย่างหนึ่งอย่างใด
มาตรา 877 ผู้รับประกันภัยจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ
(1) เพื่อจำนวนวินาศภัยอันแท้จริง
วรรคท้าย ท่านห้ามมิให้คิดค่าสินไหมทดแทนเกินไปกว่าจำนวนเงินซึ่งเอาประกันภัยไว้
มาตรา 879 วรรคแรก ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดในเรื่องความวินาศภัย หรือเหตุอื่นซึ่งได้ระบุไว้ในสัญญานั้นได้เกิดขึ้นเพราะความทุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ นายแก้วเอาบ้านของตนประกันอัคคีภัยไว้กับบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง กรณีเช่นนี้ถือว่านายแก้วเป็นผู้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัย ตามมาตรา 863 สัญญาประกันวินาศภัยจึงมีผลผูกพันคู่สัญญา
ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า เมื่อมีภัยเกิดขึ้นตามที่ระบุไว้ในสัญญา (อัคคีภัย) บริษัทผู้รับประกันภัยจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันวินาศภัยให้กับนายแก้วหรือไม่ เห็นว่า มาตรา 879 นั้นเป็นบทบัญญัติที่ยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัย จึงต้องตีความโดยเคร่งครัดว่า บริษัทผู้รับประกันภัยมีสิทธิปฏิเสธไม่ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัยได้ หากปรากฏว่าวินาศภัยที่เกิดขึ้นเกิดจากการกระทำโดยทุจริต หรือเกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์เท่านั้น (ฎ. 1720/2534) ถ้าเป็นความทุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของบุคคลอื่น แม้จะเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์สักเพียงใดก็ตาม ก็ยังไม่ทำให้ผู้รับประกันภัยพ้นความรับผิดไปได้ (ฎ.4830/2537)
เมื่อข้อเท็จจริงในกรณีนี้ปรากฏว่า นายขวดผู้จุดไฟเผาบ้านที่เอาประกันภัย ไม่ได้เป็นผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ ส่วนนายแก้วบิดาของนายขวดก็ไม่มีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าสนับสนุนหรือใช้ให้นายขวดเผาบ้านที่เอาประกัน จึงถือไม่ได้ว่าไฟไหม้บ้านที่เอาประกันไว้เกิดขึ้นเพราะความทุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ กรณีจึงไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตามมาตรา 879 วรรคแรก ที่ผู้รับประกันภัยไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ดังนั้น บริษัทประกันภัยจึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับนายแก้วผู้เอาประกันภัย ตามความเสียหายที่แท้จริงแต่ไม่เกินวงเงินที่เอาประกันภัยไว้ ตามมาตรา 877 (1) และวรรคท้าย
สรุป นายแก้วมีสิทธิเรียกร้องให้บริษัทประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาได้
ข้อ 3 นายเอกได้ทำสัญญาประกันชีวิตตนเองไว้กับบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง ระบุให้นายโทบุตรชายคนโตเป็นผู้รับประโยชน์ และนายเอกได้มอบกรมธรรม์ประกันชีวิตให้กับนายโท นายโทจึงโทรศัพท์แจ้งไปยังบริษัทประกันชีวิตว่าตนแสดงความจำนงจะถือเอาประโยชน์ตามสัญญานี้ ต่อมานายโทประพฤติตนไม่เหมาะสม นายเอกจึงมีหนังสือแจ้งไปยังบริษัทประกันชีวิตว่าขอโอนประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตรายนี้ให้แก่นายตรีบุตรชายคนเล็ก บริษัทประกันชีวิตตอบรับทราบ เมื่อนายเอกถึงแก่ความตาย ภายในอายุสัญญาประกันชีวิต อยากทราบว่า บริษัทประกันชีวิตจะต้องจ่ายเงินเอาประกันให้แก่นายโทหรือนายตรี เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 891 วรรคแรก แม้ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยมิได้เป็นผู้รับประโยชน์เองก็ดี ผู้เอาประกันภัยย่อมมีสิทธิที่จะโอนประโยชน์แห่งสัญญานั้นให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งได้ เว้นแต่จะได้ส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์ไปแล้ว และผู้รับประโยชน์ได้บอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังผู้รับประกันภัยแล้วว่าตนจำนงจะถือเอาประโยชน์แห่งสัญญานั้น
วินิจฉัย
ตามบทบัญญัติมาตรา 891 วรรคแรกนั้น แม้ผู้เอาประกันชีวิตจะได้กำหนดตัวผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตไว้แล้ว ผู้เอาประกันชีวิตก็ยังมีสิทธิที่จะโอนประโยชน์ตามสัญญานั้นให้บุคคลอื่นได้ (โอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาประกันชีวิตในการที่จะได้รับชดใช้เงินที่เอาประกันภัย) เว้นแต่จะเข้าเงื่อนไขทั้ง 2 ประการต่อไปนี้ ผู้เอาประกันชีวิตไม่มีสิทธิโอนประโยชน์ให้แก่ผู้ใดอีก คือ
1 ได้ส่งมอบกรมธรรม์นั้นให้แก่ผู้รับประโยชน์ไปแล้ว และ
2 ผู้รับประโยชน์ได้บอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังผู้รับประกันภัยแล้วว่าตนจำนงจะถือเอาประโยชน์แห่งสัญญานั้น
กรณีตามอุทาหรณ์ แม้นายเอกจะได้ส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยให้กับนายโทผู้รับประโยชน์ไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงแต่เพียงว่า นายโทโทรศัพท์ไปแจ้งให้บริษัทประกันชีวิตทราบว่าตนจำนงจะถือเอาประโยชน์แห่งสัญญาประกันชีวิตเท่านั้น หาได้บอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังบริษัทผู้รับประกันชีวิตว่าตนจะถือเอาประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตรายนี้ไม่ กรณีจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 891 วรรคแรก สิทธิการโอนประโยชน์ของนายเอกผู้เอาประกันชีวิตจึงยังไม่หมดไป เมื่อนายเอกได้บอกกล่าวการโอนประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตรายนี้ให้แก่นายตรี และบริษัทประกันชีวิตตอบรับทราบแล้ว เมื่อนายเอกถึงแก่ความตายภายในอายุสัญญาประกันชีวิต บริษัทประกันชีวิตจึงต้องจ่ายเงินเอาประกันให้แก่นายตรีผู้รับประโยชน์
สรุป บริษัทประกันชีวิตต้องจ่ายเงินเอาประกันให้แก่นายตรี