การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2560
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 4002 การว่าความและการจัดทําเอกสารทางกฎหมาย
คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน
นายบูรพา อายุ 60 ปี อาชีพค้าขาย เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารเลขที่ 123 ถนนรัชดาภิเษก แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร
โดยเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2559 นายอาคเนย์ อายุ 45 ปี อาชีพรับจ้าง ได้ตกลงทําสัญญาเช่าตึกแถว ดังกล่าวจากนายบูรพา มีกําหนดสัญญาเช่า 1 ปี นับแต่วันทําสัญญา โดยตกลงชําระค่าเช่าเป็นรายเดือน เดือนละ 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ผู้เช่าตกลงชําระค่าเช่าล่วงหน้าภายในวันที่ 1 ของทุกเดือน และมีข้อตกลงว่า เมื่อครบกําหนดสัญญาเช่าหรือเมื่อผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาเช่า ผู้เช่าจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจาก อาคารตึกแถวที่เช่า พร้อมกับส่งมอบการครอบครองผู้เข่าให้แก่ผู้ให้เช่าทันที่ 1
ต่อมาปรากฏว่า ผู้เช่าค้างชําระค่าเช่า งวดเดือนพฤศจิกายน 2559 และเดือนธันวาคม 2559 รวมเป็น 2 งวด แต่เมื่อครบกําหนดสัญญาเช่า ผู้เช่ายังคงอาศัยอยู่ในตึกแถวที่เช่าตลอดมาโดยไม่ชําระค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่า อีกเลย
เมื่อเดือนมิถุนายน 2560 นายบูรพาจึงมอบหมายให้ทนายความชื่อ นายอุดร อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 567 ถนนรามคําแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ทําหนังสือบอกกล่าวฉบับลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2560 แจ้งให้ผู้เช่าออกจากสถานที่เช่าและชําระค่าเช่าที่ค้างอยู่มาชําระภายในกําหนด 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับ หนังสือบอกกล่าว โดยนายอุดรได้ทําหนังสือบอกกล่าวทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังผู้เช่าพร้อมใบตอบรับ ผู้เช่า ได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้วแต่เพิกเฉย เละยังคงอาศัยอยู่ในตึกแถวดังกล่าว
นายบูรพาจึงมอบอํานาจให้นายอาสา อายุ 30 ปี เป็นผู้ฟ้องคดีแทน โดยมีการทําหนังสือมอบอํานาจ ฟ้องคดีฉบับลงวันที่ 1 กันยายน 2560
ให้ฟ้องขับไล่และเรียกค่าเช่าที่ค้างชําระและค่าเสียหายอีกเป็นเวลา 10 เดือน ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 รวมทั้งให้เรียกค่าเช่าที่พึงชําระแต่ละเดือนจนกว่าส่งมอบการครอบครองให้แก่โจทก์ และยื่นคําแถลงขอ ปิดหมายพร้อมฟ้องตามสําเนาทะเบียนบ้านจําเลยที่แนบมาพร้อมคําแถลงด้วย
ศาลมีคําสั่งนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 โดยจําเลยไม่ได้ยื่นคําให้การต่อสู้คดี โดยต่อมาศาลได้มีคําพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561
ให้นักศึกษาทําคําตอบในคดีแพ่งดังต่อไปนี้
1 หนังสือบอกกล่าว
2 หนังสือมอบอํานาจฟ้องคดี
3 คําฟ้องและคําขอท้ายฟ้องแพ่ง
4 คําแถลงขอให้ปิดหมายพร้อมคําฟ้อง
ธงคําตอบ
1 หนังสือบอกกล่าว (เลิกสัญญาเช่า)
ทําที่ เลขที่…………………..
วันที่ 1 กรกฎาคม 2560
เรื่อง ขอบอกเลิกสัญญาเช่าและขอให้ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากทรัพย์สินที่เช่า
เรียน นายอาคเนย์
อ้างถึง หนังสือสัญญาเช่าอาคารตึกแถว ฉบับลงวันที่ 1 มกราคม 2559
ตามที่ท่านได้ทําสัญญาเช่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างมีลักษณะเป็นอาคารตึกแถวอาคารเลขที่ 123 ถนนรัชดาภิเษก แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร จากผู้ให้เช่า โดยทําหนังสือเช่ามีกําหนด 1 ปี ในอัตราค่าเช่าเดือนละ 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ปรากฏตามสัญญาเช่าที่ดินอาคารตึกแถวฉบับลงวันที่ 1 มกราคม 2559 รายละเอียดตามที่ท่านทราบดีอยู่แล้ว
ต่อมา ท่านผิดนัดไม่ชําระค่าเช่าตึกแถวดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 ถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2560 รวมทั้งสิ้นเป็นเวลา 8 เดือน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 80,000 บาท (แปดหมื่นบาทถ้วน) เป็นเหตุให้ผู้ให้เช่า ได้รับความเสียหายขาดประโยชน์จากการได้รับค่าเช่าจากทรัพย์สินของผู้ให้เช่า ผู้ให้เช่าจึงไม่ประสงค์ให้ผู้เช่า เช่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวอีกต่อไป
ข้าพเจ้าในฐานะทนายความผู้รับมอบอํานาจจากนายบูรพา ผู้ให้เช่า จึงเรียนมาเพื่อขอให้ท่านชําระเงินค่าเช่าอาคารตึกแถวดังกล่าวจํานวน 80,000 บาท (แปดหมื่นบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้แก่ผู้ให้เช่า และย้ายออกจากอาคารตึกแถวที่เช่าพร้อมขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากอาคารตึกแถว ที่เช่าด้วยค่าใช้จ่ายของท่านเอง ภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ท่านได้รับหนังสือฉบับนี้ หากพ้นกําหนด ดังกล่าว ท่านยังเพิกเฉยไม่ชําระค่าเช่าที่อ้างและย้ายออกจากอาคารตึกแถว ข้าพเจ้ามีความจําเป็นต้องดําเนินการ ตามกฎหมายต่อไป จึงเรียนมาเพื่อขอให้ท่านดําเนินการดังกล่าวต่อไป
ขอแสดงความนับถือ
………………………….
(นายอุดร ) ทนายความผู้รับมอบอํานาจ
2 หนังสือมอบอํานาจฟ้องคดี
ทําที่ เลขที่ ……… ถนน …………. ซอย ………..
แขวง … เขต ……. กรุงเทพมหานคร
วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2560
โดยหนังสือฉบับนี้ ข้าพเจ้า นายบูรพา เลขบัตรประจําตัวประชาชนเลขที่…….. อายุ 60 ปี ขอมอบอํานาจให้นายอาสา เลขบัตรประจําตัวประชาชนเลขที่…………………….. อายุ 30 ปี เป็นผู้มีอํานาจฟ้องและ ดําเนินคดีแพ่งกับ นายอาคเนย์ ในคดีแพ่งหมายเลขดําที่ 1/2560 ในข้อหา ขับไล่ เรียกค่าเช่า เรียกค่าเสียหาย และข้อหาอื่นต่อศาล
เพื่อการนี้ ให้ผู้รับมอบอํานาจมีอํานาจดําเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ไปในทางจําหน่ายสิทธิ เช่น การยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง การถอนฟ้อง การประนีประนอมยอมความ การใช้สิทธิหรือ การสละสิทธิในการอุทธรณ์ ฎีกา หรือการขอให้พิจารณาคดีใหม่ การร้องสอด การร้องขัดทรัพย์ การร้องขอกันส่วน การร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ ตลอดจนเข้าเป็นคู่ความร่วมในคดี รับหรือส่งเอกสารหรือเงินจากคู่ความหรือแก่คู่ความ อีกฝ่ายหนึ่ง/บุคคลภายนอก/ศาล/เจ้าพนักงานบังคับคดีและดําเนินกระบวนการในชั้นบังคับคดีจนถึงที่สุด
ให้ผู้รับมอบมีอํานาจในการแต่งตั้งทนายความหรือตัวแทนช่วงโดยให้มีหน้าที่ดังกล่าวทั้งปวงด้วย การใดที่ผู้รับมอบอํานาจได้กระทําลงในขอบอํานาจของหนังสือฉบับนี้ย่อมมีผลผูกพันผู้มอบอํานาจตามกฎหมาย ทุกประการ
เพื่อเป็นหลักฐานจึงลงลายมือชื่อพร้อมประทับตรา (ถ้ามี) ไว้ต่อหน้าพยานเป็นสําคัญ
ลงชื่อ…………………..ผู้มอบอํานาจ ลงชื่อ…………………..ผู้มอบอํานาจ
( นายบูรพา ) ( นายอาสา )
ลงชื่อ……………………พยาน ลงชื่อ…………………..พยาน
3 คําฟ้องและคําขอท้ายฟ้องแพ่ง
ข้อ 1 ในการฟ้องคดีนี้โจทก์ได้มอบอํานาจให้นายอาสาเป็นผู้รับมอบอํานาจในการดําเนินคดีแทนโจทก์ได้ปรากฏตามสําเนาหนังสือมอบอํานาจฉบับลงวันที่ 1 กันยายน 2560 เอกสารท้ายคําฟ้องหมายเลข 1
ข้อ 2 โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตึกแถวเลขที่ 123 ถนนรัชดาภิเษก แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร รายละเอียดปรากฏตามสําเนาโฉนดที่ดินและอาคารเลขที่ 123 เอกสารท้ายคําฟ้อง หมายเลข 2
ข้อ 3 เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2559 จําเลยได้ตกลงทําสัญญาเช่าตึกแถวเลขที่ 123 ถนนรัชดาภิเษก แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร จากโจทก์มีกําหนดเวลาเช่า 1 ปี นับแต่วันทําสัญญา โดยจําเลย ตกลงจะชําระค่าเช่าเป็นรายเดือน เดือนละ 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) โดยจําเลยตกลงชําระค่าเช่าล่วงหน้า ภายในวันที่ 1 ของทุกเดือน และมีข้อตกลงว่า เมื่อครบกําหนดสัญญาเช่าหรือเมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่า จําเลย ตกลงจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากอาคารตึกแถวที่เช่า พร้อมกับส่งมอบการครอบครองของจําเลย ให้แก่โจทก์ทันที ปรากฏตามหนังสือสัญญาเช่าอาคารตึกแถว เอกสารท้ายคําฟ้องหมายเลข 3
ข้อ 4 ต่อมาจําเลยผิดนัดไม่ชําระค่าเช่าตึกแถวให้แก่โจทก์ในงวดเดือนพฤศจิกายน 2559 และเดือนธันวาคม 2559 รวมเป็น 2 งวด และเมื่อครบกําหนดสัญญาเช่าตึกแถวดังกล่าวได้สิ้นสุดลงแล้ว จําเลย ยังคงครอบครองทําประโยชน์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว โดยจําเลยผิดนัดผิดสัญญาไม่ชําระค่าเช่าตึกแถว ดังกล่าวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559 จนถึงวันฟ้อง รวมทั้งสิ้น 12 เดือน
โจทก์จึงได้มอบหมายให้ทนายความทําหนังสือขอบอกเลิกสัญญาเช่า ขอให้ชําระเงินค่าเช่าที่ค้าง พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ และขอให้จําเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2560 แต่จําเลยเพิกเฉยไม่ยอมชําระค่าเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ค้างชําระ ทั้งไม่ยอมขนย้าย ทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ รายละเอียดปรากฏตามสําเนาหนังสือบอกกล่าว ทวงถามและหนังสือตอบรับทางไปรษณีย์ เอกสารท้ายคําฟ้องหมายเลข 4 และ 5
ข้อ 5 การกระทําของจําเลยเป็นการกระทําละเมิดต่อโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จําเลยจึงต้องชําระค่าเสียหาย ดังต่อไปนี้
5.1 ค่าเช่าที่ดินดังกล่าวพร้อมอาคารตึกแถวตามฟ้องที่ค้างชําระตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559 จนถึงวันฟ้อง เป็นเวลา 12 เดือน ในอัตราเดือนละ 10,000 บาท รวมเป็นเงินค่าเช่าจํานวนทั้งสิ้น 120,000 บาท (หนึ่งแสนสองหมื่นบาทถ้วน)
5.2 ค่าเสียหายอันเกิดจากการขาดประโยชน์จากการที่จําเลยไม่ยอมขนย้ายทรัพย์สินและ บริวารออกจากที่ดินของโจทก์หลังจากครบกําหนดระยะเวลาการเช่า ซึ่งหากโจทก์นําที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ไปให้บุคคลอื่นเช่า อาจเรียกค่าเช่าได้ในอัตราเดือนละ 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง จนกว่าจําเลยจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ทั้งหมด
5.3 ให้จําเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ และ ส่งมอบที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในสภาพเรียบร้อยให้แก่โจทก์โดยค่าใช้จ่ายของจําเลยเอง หากจําเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคําพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับเอาแก่จําเลยได้ จึงต้องนําคดีมาฟ้องศาลเพื่อขอบารมีศาล เป็นที่พึ่งต่อไป
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
คําขอท้ายฟ้อง
เพราะฉะนั้นขอศาลออกหมายเรียกตัวจําเลยมาพิจารณาพิพากษา และบังคับจําเลยตามคําขอ ต่อไปนี้
1 ให้จําเลยชําระค่าเช่าที่ดินดังกล่าวพร้อมตึกแถวตามฟ้องที่ค้างชําระตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559 จนถึงวันฟ้อง เป็นเวลา 12 เดือน ในอัตราเดือนละ 10,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 120,000 บาท (หนึ่งแสน สองหมื่นบาทถ้วน)
2 ให้จําเลยชําระค่าเสียหายอันเกิดจากการขาดประโยชน์จากการที่จําเลยไม่ยอมขนย้าย ทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ ในอัตราเดือนละ 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) นับแต่วันถัดจาก วันฟ้องจนกว่าจําเลยจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ทั้งหมด
3 ให้จําเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินตึกแถวของโจทก์ และส่งมอบคืน การครอบครองให้แก่โจทก์
4 ให้จําเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์
4 คําแถลงขอให้ปิดหมายพร้อมคําฟ้อง
คดีนี้ โจทก์ได้ยื่นฟ้องจําเลยต่อศาลในวันนี้ โจทก์ขอประทานกราบเรียนต่อศาลที่เคารพว่า เนื่องจากจําเลยมีภูมิลําเนาที่แน่นอนตามฟ้อง รายละเอียดปรากฏตามแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎร เอกสารท้ายคําแถลงหมายเลข 1
ดังนั้น ในการนําส่งหมายเรียกและสําเนาคําฟ้องให้แก่จําเลยนั้น หากไม่พบตัวจําเลย หรือ ไม่มีผู้ใดยอมรับหมายไว้แทนโดยชอบ หรือไม่ว่าในกรณีใด ๆ ขอศาลได้โปรดมีคําสั่งปิดหมายเรียกและสําเนา คําฟ้องไว้ ณ ภูมิลําเนาของจําเลยด้วย
ในการนี้ โจทก์ยินดีเสียค่าธรรมเนียมศาลตามระเบียบ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอศาลได้โปรดอนุญาต
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ลงชื่อ………………………ทนายความโจทก์
คําร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า นายอุดร ทนายความโจทก์ เป็นผู้เรียงและพิมพ์
ลงชื่อ ………………….ผู้เรียงและพิมพ์