การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2560

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 3001 กฎหมายอาญา 3

Advertisement

คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1 หนึ่งขับรถยนต์ปาดหน้ารถจักรยานยนต์ที่สองขับขี่มาทําให้สองไม่พอใจขับขี่รถไล่ตามรถของหนึ่งและใช้อาวุธปืนยิงไปที่ยางล้อรถยนต์ของหนึ่ง กระสุนปืนถูกยางรถยนต์แล้วทะลุตัวถังไปถูกสาม ซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะหลังในรถของหนึ่งได้รับอันตรายสาหัส ดังนี้ สองจะมีความผิดต่อชีวิตและร่างกาย ฐานใด

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 300 “ผู้ใดกระทําโดยประมาท และการกระทํานั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษ”

วินิจฉัย

องค์ประกอบของความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา 300 ประกอบด้วย

1 กระทําด้วยประการใด ๆ

2 โดยประมาท

3 เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส

กรณีตามอุทาหรณ์

การที่หนึ่งขับรถยนต์ปาดหน้ารถจักรยานยนต์ที่สองขับขี่มาทําให้สอง ไม่พอใจขับขี่รถไล่ตามรถของหนึ่งและใช้อาวุธปืนยิงไปที่ล้อรถยนต์ของหนึ่ง กระสุนปืนถูกยางรถยนต์แล้วทะลุ ตัวถังไปถูกสามซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะหลังในรถของหนึ่งได้รับอันตรายสาหัสนั้น พฤติการณ์ของสองที่ใช้ปืนยิงไปที่ ล้อรถยนต์ สองมิได้มีเจตนาฆ่าหรือทําร้ายผู้เสียหายแต่เป็นเจตนาทําลายทรัพย์ แต่อย่างไรก็ตาม การกระทําของสอง เป็นการกระทําโดยประมาท กล่าวคือเป็นการกระทําโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้น จักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทําอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ ดังนั้น เมื่อกระสุนปืนไปถูกสามได้รับอันตรายสาหัส สองจึงมีความผิดฐานกระทําโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่น ได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา 300

สรุป

สองมีความผิดฐานกระทําโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา 300

 

ข้อ 2 นายเสือกระทําความผิดแล้วหลบหนี ในระหว่างทางที่หลบหนีพบ น.ส.อ้อยจอดรถจักรยานยนต์อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ นายเสือต้องการจะเอารถของ น.ส.อ้อยขับขี่เป็นพาหนะหลบหนีจึงได้ใช้ อาวุธมีดขู่เข็ญจะเอารถ แต่ขณะนั้น น.ส.อ้อยยังไม่ได้มอบกุญแจรถให้ก็มีพลเมืองดี 2 – 3 คน วิ่งเข้ามาช่วยเหลือ นายเสือจึงวิ่งหลบหนีไป ดังนี้ อยากทราบว่า การกระทําของนายเสือเป็นความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 80 “ผู้ใดลงมือกระทําความผิดแต่กระทําไปไม่ตลอด หรือกระทําไปตลอดแล้วแต่ การกระทํานั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทําความผิด

ผู้ใดพยายามกระทําความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกําหนดไว้ สําหรับความผิดนั้น”

มาตรา 309 วรรคหนึ่ง “ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทําการใด ไม่กระทําการใด หรือจํายอมต่อสิ่งใด โดยทําให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กําลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทําการนั้น ไม่กระทําการนั้นหรือจํายอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษ”

วินิจฉัย

องค์ประกอบความผิดฐานทําให้เสื่อมเสียเสรีภาพตามมาตรา 309 ประกอบด้วย

1 ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทําการใด ไม่กระทําการใด หรือจํายอมต่อสิ่งใด

2 โดยทําให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กําลังประทุษร้าย

3 จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทําการนั้น ไม่กระทําการนั้นหรือจํายอมต่อสิ่งนั้น

4 โดยเจตนา

กรณีตามอุทาหรณ์

การที่นายเสือได้ใช้อาวุธมีดขู่เข็ญจะเอารถจักรยานยนต์จาก น.ส.อ้อยนั้น การกระทําของนายเสื้อถือว่าเป็นการข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทําการใด หรือจํายอมต่อสิ่งใด โดยทําให้กลัวว่าจะเกิด อันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพตามมาตรา 309 วรรคหนึ่ง แต่เมื่อขณะนั้น น.ส.อ้อยยังไม่ได้มอบกุญแจรถให้ ก็มีพลเมืองดี 2 – 3 คน วิ่งเข้ามาช่วยเหลือทําให้นายเสือวิ่งหลบหนีไป ถือว่าการกระทําของนายเสือเป็นการลงมือ กระทําไปตลอดแล้วแต่การกระทํานั้นไม่บรรลุผล จึงเป็นความผิดฐานพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทําการใดหรือ จํายอมต่อสิ่งใดตามมาตรา 309 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 80

สรุป

นายเสือมีความผิดฐานพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทําการใดหรือจํายอมต่อสิ่งใดตาม มาตรา 309 ประกอบมาตรา 80

 

ข้อ 3 แดงได้ซื้อลอตเตอรี่จากพ่อค้าขายลอตเตอรี่ในตลาดแห่งหนึ่งจํานวน 1 ชุด ราคา 1,000 บาท แดงได้ถ่ายรูปลอตเตอรี่ไว้ในโทรศัพท์มือถือของตนด้วย หลังจากนั้นแดงเดินเข้าไปซื้อผลไม้ในตลาด แห่งนั้นเอง ปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อแดงล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อเอาเงินจากกระเป๋าสตางค์ของตน ออกมาเพื่อจ่ายเงินให้กับขาวแม่ค้าขายผลไม้ แดงได้ทําลอตเตอรี่ทั้งชุดที่บรรจุไว้ในถุงพลาสติก ตกลงที่หน้าร้านขายผลไม้ของขาว หลังจากซื้อผลไม้เรียบร้อยแล้วแดงจึงกลับมาบ้าน ทันทีที่แดง มาถึงบ้าน แดงพบว่าตนทําลอตเตอรี่หายไป แดงนึกได้ว่าคงจะทําตกหายที่ร้านขายผลไม้ของขาวแดงจึงรีบขับรถยนต์ไปที่ร้านขายผลไม้ เมื่อพบกับขาว แดงถามขาวว่าได้เก็บลอตเตอรี่บริเวณแถว หน้าร้านของขาวไว้หรือไม่ ขาวบอกแดงว่าขาวเป็นคนเก็บได้เอง ขาวจึงหยิบลอตเตอรี่ส่งคืนให้แดง แต่เป็นลอตเตอรีชุดที่ขาวเคยซื้อไว้และได้ออกรางวัลไปเรียบร้อยแล้วในงวดก่อนโดยขาวไม่ได้ถูกรางวัล และขาวเก็บลอตเตอรี่ของแดงไว้เอง แดงเอาลอตเตอรี่ที่ขาวยืนให้กลับบ้านไปโดยไม่ดูว่าเป็นลอตเตอรี่ที่ตนซื้อมาหรือไม่ ดังนี้ จึงวินิจฉัยว่าขาวมีความผิดอาญาเกี่ยวกับทรัพย์หรือไม่ฐานใด

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 334 “ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทําความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษ”

มาตรา 352 “ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยเบียดบัง เอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทําความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษ

ถ้าทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของผู้กระทําความผิดเพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสําคัญ ผิดไปด้วยประการใด หรือเป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้กระทําความผิดเก็บได้ ผู้กระทําต้องระวางโทษแต่เพียงกึ่งหนึ่ง”

วินิจฉัย

องค์ประกอบของความผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 334 ประกอบด้วย

1 เอาไป

2 ทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย

3 โดยเจตนา

4 โดยทุจริต

กรณีที่จะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 334 นั้น จะต้องเป็นกรณีการเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปจากการครอบครองของผู้อื่นโดยทุจริต หรือเป็นการแย่งการครอบครองนั้นเอง ในกรณีที่เป็นการเอาทรัพย์สินของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริตในขณะที่ผู้เอาทรัพย์สินนั้น ไปได้ครอบครองทรัพย์สินนั้นอยู่ โดยอาจจะเป็นการครอบครองเพราะเจ้าของส่งมอบการครอบครองให้โดยชอบ หรือเพราะเจ้าของส่งมอบให้โดยสําคัญผิด หรือเป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้เอาไปนั้นเก็บได้ ย่อมไม่เป็นความผิดฐาน ลักทรัพย์ แต่อาจเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์สินหายแล้วแต่กรณีตามมาตรา 352

กรณีตามอุทาหรณ์

การที่แดงได้ทําลอตเตอรี่ตกลงที่หน้าร้านขายผลไม้ของขาว และเมื่อแดงกลับมาบ้านพบว่าตนทําลอตเตอรี่หายไปจึงได้รีบขับรถยนต์ไปที่ร้านขายผลไม้ของขาวนั้น ถือได้ว่าแดงยังมี การครอบครองลอตเตอรี่อยู่ยังไม่ได้สละการครอบครอง ลอตเตอรี่ดังกล่าวจึงไม่เป็นทรัพย์สินหาย ดังนั้น การที่ ขาวเก็บได้แต่ไม่คืนให้แก่แดง แต่ได้เอาลอตเตอรีอีกชุดหนึ่งส่งคืนให้แดง การกระทําของขาวที่เก็บลอตเตอรี่ไว้ โดยรู้อยู่แล้วหรือควรรู้ว่าทรัพย์นั้นเจ้าของกําลังติดตามเอาทรัพย์นั้นคืนอยู่จึงเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต ขาวจึงมีความผิดอาญาฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 334 มิใช่ความผิดฐานยักยอกทรัพย์สินหายตามมาตรา 352 วรรคสอง (เทียบคําพิพากษาฎีกาที่ 1363/2503)

สรุป

ขาวมีความผิดอาญาฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 334

 

ข้อ 4 เอนําเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยจํานวนสามแสนบาทมาชําระหนี้เงินกู้และขอสัญญากู้ยืมเงินคืน บีเข้าไปหยิบซองเอกสารมาส่งให้เอหลอกว่าเป็นซองใส่สัญญากู้ เอหลงเชื่อจึงชําระหนี้และรับเอกสารคืนไป เมื่อกลับถึงบ้านเปิดดูจึงรู้ว่าเป็นซองบรรจุกระดาษเปล่า เอไปขอเงินคืนจากบีแต่ถูกปฏิเสธจึงไปฟ้องในความผิดฐานฉ้อโกง ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่า บีจะมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 341 “ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิด ข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทําให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทํา ถอน หรือทําลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทําความผิดฐานฉ้อโกง ต้อง ระวางโทษ”

วินิจฉัย

องค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 ประกอบด้วย

1 หลอกลวงผู้อื่นด้วยการ

(ก) แสดงข้อความเป็นเท็จ หรือ

(ข) ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง

2 โดยการหลอกลวงนั้น

(ก) ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือ

(ข) ทําให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทํา ถอน หรือทําลายเอกสารสิทธิ์

3 โดยเจตนา

4 โดยทุจริต

กรณีตามอุทาหรณ์

การที่เอนําเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยจํานวนสามแสนบาทมาชําระหนี้เงินกู้ และขอสัญญากู้ยืมเงินคืนจากบี แต่บีได้นําซองเอกสารบรรจุกระดาษเปล่าคืนให้เอโดยหลอกเอว่าเป็นซองใส่ สัญญากู้ เมื่อเอกลับถึงบ้านจึงรู้และไปขอเอกสารสัญญากู้จากบี แต่บีปฏิเสธ เอจึงไปฟ้องบีในความผิดฐานฉ้อโกงนั้น การกระทําของบีไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 แต่อย่างใด ทั้งนี้เพราะแม้ว่าบีจะหลอกลวงเอด้วยการ แสดงข้อความอันเป็นเท็จ แต่การหลอกลวงนั้นก็มิได้ทําให้บีได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากเอผู้ถูกหลอกลวงแต่อย่างใด และเงินจํานวนสามแสนบาทก็เป็นเงินที่เอได้นํามาชําระหนี้อันเป็นสิทธิพึงมีพึงได้ของบีที่จะได้รับชําระหนี้อยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงตามฟ้อง

สรุป บีไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงตามฟ้อง

Advertisement